APM ลั่นเข้าตลาดปี 68 รุกหนักไอพีโอเป้า 20 ตัว! ลุยเปิด “อคาเดมี่”
APM จัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ตั้ง APM Academy รองรับการเติบโตสู่ความยั่งยืน เดินหน้างานที่ปรึกษาการเงินให้กลุ่ม CLMV เพื่อจอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2568 รุกหนัก IPO 3 ปี 20 ตัว พร้อมดัน 4 ตัวเข้าตลาดปีนี้ ส่วนกระดาน 3 Live Exchange ร่วมให้คำแนะนำ Startups และ SMEs
ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ที่ผ่านมา APM ได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตและสร้างองค์กรสู่ความยังยืนในอนาคต ควบคู่ไปกับการเติบโตของตลาดทุนไทยด้วยการพัฒนาบุคลากรที่มีความพร้อม มีประสบการณ์ และทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย มีความซับซ้อนในเชิงธุรกิจมากยิ่งขึ้นพร้อมทั้งมีการนำขึ้นเสนอนวัตกรรมและเครื่องมือทางการเงินแบบใหม่ที่ทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการลงทุนและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เสมือนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่พร้อมเดินเคียงข้างไปกับลูกค้าเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของลูกค้าได้
พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะจัดตั้ง APM Academy ซึ่งจะเป็นสถาบันฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรที่ประกอบวิชาชีพที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณให้มีความรู้ความสามารถรู้เท่าทันสถานการณ์โลกการลงในทุกรูปแบบโดยจะพัฒนาหลักสูตรที่ปรึกษาทางการเงินร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินในอนาคตอย่างเป็นระบบ
นอกจากการพัฒนาบุคลากรให้สอดรับการสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว APM ยังเตรียมจัดสรรบุคลากรเพื่อรองรับการขยายงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีความพร้อมและศักยภาพใต้กฎเกณฑ์การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งในรูปแบบ Dual-listed Company และ Secondary Listing Company ซึ่งถือว่าจะเป็นประโยชน์ ทั้งในด้านการเพิ่มปริมาณหลักทรัพย์รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ Market (Capitalization) จนทำให้ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าที่สูงขึ้นและเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนอีกทั้งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นศูนย์กลางการระดมทุนของบริษัทในกลุ่ม CLMV ได้ในอนาคต
“APM ถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าให้มีการ ต่อเนื่อง พร้อมทั้งขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้สามารถแข็งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ APM มีการพัฒนาองค์กรและบุคลากรทำให้อย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความยั่งยืนและเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการผลักดันธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินให้กับกลุ่มประเทศ CLMV จนทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นศูนย์กลางการระดมทุนระดับภูมิภาค” ดร.สมภพ กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวถึง ภาพรวมของ APM ปี 2565 ว่า ยังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกกลุ่ม IPO ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้การหาแหล่งเงินทุน รวมถึงการควบรวมกิจการและการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและการประเมินมูลค่าหุ้นหรือกิจการตลอดจนได้ศึกษารายละเอียดของธุรกิจและเครื่องมือทางการเงินอื่น เช่น กลุ่ม Digital Asset เพื่อให้คำแนะนำกับลูกค้า เพื่อก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพลูกค้า
ขณะที่ปีนี้คาดว่า APM จะสามารถยื่นแบบไฟลิ่งเพื่อขอนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 3-4 ราย ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนกระดาน 3 หรือ Live Exchange นั้น ถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจของกลุ่ม Startup และ SMEs ซึ่ง APM ได้มีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำกับกลุ่ม Startup และ SMEs ในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดข้างเคียง ร่วมกับหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งถือเป็นบทบาทสำคัญที่จะมีส่วนช่วยพัฒนากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก สำหรับปูทางเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต
“สถานการณ์โควิด อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทที่เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บ้าง แต่สุดท้ายเมื่อบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ถือว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในระดมทุน และขยายโอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งแต่ละบริษัทจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านๆ รวมถึงการปรับรูปแบบการจัดทำงบการเงินให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาใช้ปี 2567ด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว
นอกจากนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ APM ได้มีการประกาศปรับโครงสร้างองค์กรโดยการจัดทัพครั้งใหญ่ที่เตรียมตั้ง APM Academy รองรับการเติบโตในอนาคต และขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน เพื่อเป็นการปูทางจะนำ APM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2568 และบริษัทฯ จะรุกหนักยื่นแบบไฟลิ่งเพื่อขอนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ภายใน 3 ปีอย่างน้อย 20 ตัว หลังสามารถยื่นแบบไฟลิ่งเพื่อขอนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 3-4 ตัวในปีนี้