เกษตรกรเตรียมโวย! หลัง “กรมการค้าภายใน” ไฟเขียวขึ้นราคาปุ๋ย
เกษตรกรเตรียมโวย! กรมการค้าภายใน ไฟเขียว ขึ้นราคาปุ๋ยเป็นรายกรณี หลังราคาปุ๋ยทั่วโลกพุ่งถึง 100- 200 % ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงถึงสถานการณ์ราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้นว่า ที่ผ่านมากรมการค้าภายในได้หารือกับผู้ประกอบการปุ๋ยเคมีของไทย เพื่อพิจารณาสถานการณ์การผลิต และจำหน่าย รวมถึงพิจารณาการปรับขึ้นราคาขายปุ๋ยเคมีในประเทศตามที่ผู้ค้าร้องขอ หลังพบว่า ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นจริง โดยกรมการค้าภายในยืนยันว่า การอนุญาตให้ขึ้นราคาขายปุ๋ยเคมี จะพิจารณาให้เป็นรายๆ ไป เพราะแต่ละรายมีต้นทุนแตกต่างกัน ไม่ใช่อนุญาตให้ปรับขึ้นเท่ากันหมด หรือให้ปรับขึ้นได้ทุกราย นอกจากนี้ยังได้เร่งรัดให้ผู้ค้าปุ๋ย เร่งนำเข้าปุ๋ยเข้ามาให้ทันกับฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนนี้
ขณะที่นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย ได้แสดงความเป็นห่วงว่า ในฤดูกาลเพาะปลูกที่จะถึงในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ ประเทศไทยจะเผชิญวิกฤตขาดปุ๋ยสำหรับเพาะปลูก หลังพบว่าสต็อกปุ๋ยบางชนิดมีปริมาณลดลง และอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาผู้ค้าปุ๋ยเคมีบางราย มีการชะลอนำเข้า เพราะประสบปัญหาขาดทุน จากราคาปุ๋ยในตลาดโลกปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ราคาในประเทศกลับถูกรัฐบาลตรึงไว้ไม่ให้ขึ้นราคา
ทั้งนี้แม้กรมการค้าภายในจะอนุญาตให้ปรับราคาและกระตุ้นให้นำเข้าได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถไปแข่งขันสั่งซื้อแม่ปุ๋ยเคมีกลับเข้ามาทันฤดูเพาะปลูกที่กำลังจะเริ่มหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาราคาปุ๋ยก็แพงขึ้นอยู่แล้ว และพอเกิดความขัดแย้งรัสเซียยูเครน ยิ่งซ้ำเติมให้ราคาแม่ปุ๋ยพุ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญหลายประเทศ เช่น จีนมีการสั่งห้ามส่งออกปุ๋ย อีกหลายประเทศก็มีการเก็บสต็อกไว้ เพื่อความมั่นคงในการผลิตอาหารภายในประเทศ
โดยนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย ประเมินว่า หากจะสั่งซื้อและนำเข้าปุ๋ยรอบใหม่มา อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-4 เดือน เพราะขณะนี้แหล่งผลิตนำเข้าใหญ่ๆ มีปัญหา เช่น รัสเซีย จีน ทำให้ต้องไปหาแข่งซื้อกับประเทศอื่น อีกทั้งยังต้องใช้เวลาในการขนส่ง การขออนุญาต การตรวจสอบคุณภาพจากภาครัฐ และนำมาผสมวางขาย ซึ่งทุกขั้นตอนใช้เวลาพอสมควร
ทำให้ขณะนี้แต่ละบริษัทได้ทยอยแจ้งราคาต้นทุนให้กับกรมการค้าภายในให้พิจารณาไปแล้ว โดยปัจจุบันราคาแม่ปุ๋ยเคมีสูตรสำคัญที่เกษตรกรไทยใช้มากในตลาดโลก ได้ปรับขึ้นจากปีก่อนเกิน 100% ได้แก่ ยูเรีย 46-0-0 เพิ่มจากปีก่อน 360 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 1,000 ดอลลาร์ แอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 เพิ่มจากปีก่อน 180 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 400 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 122% ฟอสเฟต 18-46-0 เพิ่มจากปีก่อน 570 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 1164 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 104% และโพแทสเซียม 0-0-60 ขึ้นจากปีก่อน 256 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 750 หรือเพิ่มขึ้น 193% จึงอยากให้ภาครัฐช่วยพิจารณาราคาให้สะท้อนกับสภาพกับความเป็นจริง