ASW กางแผนปี 65 ลุยอสังหาฯสีเขียว ก้าวสู่ “Carbon Neutral” เร่งติดตั้ง “โซลาร์ รูฟท็อป”
ASW กางแผนปี 65 เดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาฯ สีเขียวแบบครบวงจร ปักธงก้าวสู่องค์กร “Carbon Neutral” เร่งติดตั้ง “โซลาร์ รูฟท็อป” สนับสนุนพลังงานสะอาด มุ่งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และก่อให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ที่จะสร้างผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนรุ่นต่อไป บริษัทฯ จึงได้วางแนวทางขับเคลื่อนองค์กรสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดยมีความมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่าย Carbon Neutral ประเทศไทย ภาคสมัครใจ โดยให้ความสำคัญในการเข้ารับการตรวจประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และได้จัดหาคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์
ขณะที่ล่าสุด ASW ก้าวสู่ผู้นำด้านการเป็นองค์กร Carbon Neutral ภาคสมัครใจ โดยได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. หน่วยงานที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มุ่งไปสู่การเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทยที่ได้บรรจุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutral ในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2608 จากการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 หรือ UN Climate Change Conference of the Parties (COP26)
ทั้งนี้การขึ้นทะเบียน Carbon Neutral อย่างสมบูรณ์แบบ บริษัทฯ ก้าวสู่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สีเขียวแบบครบวงจรเพื่อสร้างโลกยั่งยืน วางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ ASW ผนึกกับพันธมิตรดำเนินงานภายใต้แนวคิด “GrowGreen” 5 แกนหลัก ได้แก่
1.Green Space ให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้พักอาศัย
2.Energy Efficiency ดีไซน์ที่อยู่อาศัยเพื่อใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทฯ ดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา (Solar Rooftop) แล้วที่สำนักงานใหญ่ Mingle Mall KAVE TU เพื่อเร่งติดตั้งอยู่ที่ โครงการ KAVE Town Space และ KAVE Town Shift ต่อไป พร้อมทั้งจับมือพันธมิตร Haup Car นำร่องให้บริการรถพลังงานไฟฟ้าที่ Mingle Mall โครงการ KAVE Town Space, KAVE Town Shift และสำนักงานขาย Modiz Rhyme, KAVE AVA ถือเป็นก้าวสำคัญของการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและชะลอปัญหาภาวะโลกร้อน
3.Waste Management บริหารจัดการของเสียอย่างยั่งยืน โดยรณรงค์คัดแยกขยะภายในโครงการเพื่อลดปริมาณ Carbon Footprint
4.Clean Air ควรใส่ใจการมีอากาศที่สะอาด มุ่งเน้นเลือกวัสดุก่อสร้างที่ลดปริมาณการสร้างมลพิษในอากาศ หรือการก่อสร้างที่ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5
5.Water Saving การใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการพัฒนาโครงการให้มีระบบนำน้ำที่ผ่านการใช้แล้วมาผ่านกระบวนการบำบัดเพื่อกลับมาใช้ใหม่ อีกทั้งยังจัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมภายในโครงการตลอดทั้งปี เพื่อสร้างจิตสำนึกรักษ์โลกและแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งล่าสุดได้เชิญชวนลูกบ้านร่วมทำกิจกรรมปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเพื่อร่วมลดภาวะโลกร้อน
“อย่างไรก็ตามภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ASW มีความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สีเขียว เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและโลกของเรา โดยมีความตั้งใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งการออกแบบ เลือกวัสดุ ลดการใช้ทรัพยากรและหันมาใช้พลังงานสะอาด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่ ซึ่งการได้รับการรับรององค์กร Carbon Neutral ภาคสมัครใจ จากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของเราและพร้อมเดินตามเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อมอบสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัท ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 39 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์
อาทิ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 38,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ จำนวน 31 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 8 โครงการ โดยปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 7,338 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง