เปิด 10 หุ้นพุ่งแรงกว่า 50% ไตรมาส 1 ดาวเด่น JTS-THG ทะยานเหนือ 100%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 พบว่ามี 10 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% สูงสุด 181% ซึ่งทั้งหมดเป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โดยกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี บริการ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ธุรกิจการเงิน เป็นต้น

ทั้งนี้ส่วนใหญ่มีผลประกอบการดีขึ้นโดยเฉพาะในปี 2564 เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่หลายบริษัทพลิกมีกำไรจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับบริษัทมีปัจจัยบวกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างงานเข้ามาช่วยหนุนหนุนแบ็คล็อตหนาแน่น ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการในปี 2565 ยังเติบโตแข็งแกร่ง

โดยผลดังกล่าวทำให้เกิดการเข้าเก็งกำไรในหุ้นต่างๆอย่าง 10 อันดับแรกได้แก่ JTS, THG, JUTHA, TH, TEAMG, MONO, INET, THREL, NUSA และ WIN

สำหรับผลลัพธ์ทำให้ราคาหุ้นวิ่งแกร่งกว่าดัชนีที่ปรับตัวขึ้น ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 ปิดอยู่ที่ 1,695.24 จุด ขณะที่วันที่ 30 ธ.ค. 2564 ปิดอยู่ที่ 1,657.62 จุด ปรับตัวขึ้น 37.62 จุด หรือ 2.27%

บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 ราคาหุ้นปิดอยู่ที่ 369.00 บาท หากเทียบกับ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2564 ราคาหุ้นปิดอยู่ที่ 131.00 บาท ส่งผลให้ปรับตัวขึ้น 238 บาท หรือ 181.68% แสดงว่าให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นจำนวนมาก

เบื้องต้นราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเกิดจากนักลงทุนเข้าเก็งกำไร สืบเนื่องจากอานิสงส์ประเด็นบิทคอยน์ที่กำลังมาแรงในช่วงดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จึงวางเป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2565 เดินหน้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์มาอย่างต่อเนื่อง หลังจาก ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีจำนวนเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ติดตั้งแล้วเสร็จจำนวน 315 เครื่อง

ส่วนจำนวนเครื่องขุดบิทคอยน์ที่เหลือจะทยอยส่งมอบในปี 2565 ตามการอนุมัติการจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ที่มีพลังประมวลผลสูง (Total Hash Rate) จำนวน 1,725 เครื่อง พร้อมระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ จำนวนรวมทั้งสิ้น 437.31 ล้านบาทจากในปี 2564 ที่ผ่านมา

สำหรับแผนการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ในปี 2565 จะทำให้จำนวนเครื่องขุดของบริษัทฯ รวมอยู่ที่ 8,100 เครื่อง โดยมีระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 3,300 ล้านบาท

บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 ราคาหุ้นปิดอยู่ที่ 83.25 บาท หากเทียบกับ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2564 ราคาหุ้นปิดอยู่ที่ 37.25 บาท ส่งผลให้ปรับตัวขึ้น 46 บาท หรือ 123.49% แสดงว่าให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นจำนวนมาก

สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นส่วนหนึ่งรับอานิสงส์จากผลประกอบการปี 2564 กำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นเชื่อว่าแนวโน้มการดำเนินธุรกิจปี 2565 ยังเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังคงให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ครบวงจรทั้งการป้องกันและรักษา ให้บริการฉีดวัคซีนทางเลือกและวัคซีนจากภาครัฐ ดูแลคนไข้ใน Hospitel และโรงพยาบาลสนาม 3 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลใหม่ที่ลงทุนช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีผลประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง คาดว่าจะเริ่มมีกำไร หลังปรับแผนดึงดูดกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น โดยเพิ่มขีดความสามารถด้วยการเปิดศูนย์ wellness

รวมถึงให้บริการห้องปฏิบัติการ (ห้องแล็บ) ดูแลสุขภาพผู้ป่วยหลังติดโควิด-19 ทั้งยังมีแผนขยายการลงทุนเกี่ยวกับโรงพยาบาลผู้สูงอายุเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทยอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 และการแสวงหาโอกาสการร่วมทุนและ/หรือการซื้อกิจการ

นอกจากนี้จะนำ Digital Platform เข้ามามีบทบาทในการตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ อาทิ Telemedicine ที่จะพัฒนาให้ตอบสนองผู้ป่วยโรคเฉพาะทางมากขึ้น และอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนา Health Blockchain สำหรับจัดเก็บข้อมูลสุขภาพคนไข้เชื่อมโยงอีโคซิสเต็มด้านสุขภาพ โดยปีนี้คาดจะได้เห็นความคืบหน้าใหม่ๆต่อเนื่อง

พร้อมกับมีประเด็นที่หลายฝ่ายจับตาเข้ามาดันราคาหุ้นต่อเนื่อง เมื่อ THG, บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM, บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA และกลุ่มแพทย์ จะเข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงพยาบาลธนบุรี รังสิต

สำหรับโครงการฯจะดำเนินการใต้บริษัทร่วมทุนซึ่งจะจัดตั้งใหม่ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 2,700 ล้านบาท โดยมีผู้ถือหุ้น 4 ราย ได้แก่ THG  จำนวน 8,100,000 หุ้น คิดเป็น 30% RAM จำนวน 10,800,000 หุ้น คิดเป็น 40% กลุ่มแพย์ จำนวน 5,400,000 หุ้น คิดเป็น 20% และ VIBHA จำนวน 2,700,000 หุ้น คิดเป็น 10%

อนึ่งบริษัทร่วมทุนจะก่อสร้างโรงพยาบาลธนบุรี รังสิต เป็นโรงพยาบาลประเภทตติยภูมิจำนวน 250 เตียง บนที่ดิน 20-0-0.8 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณโครงการ Jin Wellbeing County ติดถนนพหลโยธิน (ทล.1) บริเวณกม.36+550 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งปัจจุบันที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ ของ THG ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนจะก่อสร้างโรงพยาบาลธนบุรีรังสิต เป็นอาคารสูง 13 ชั้น พื้นที่ 38,200 ตร.ม.

โดยข้อมูลข้างต้นเป็นตัวอย่างเพื่อบ่งชี้ว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสอดคล้องไปกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามนอกจากหุ้นดังกล่าวยังมีตัวที่ราคาหุ้นขึ้นร้อนแรงสามารถให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นเป็นกรอบเป็นกำเกิน 50% ดูจากตารางประกอบด้านล่าง…..