WTI-BRENT ปิดร่วง 6% หลังสมาชิก IEA เคาะระบายน้ำมัน 120 ล้านบาร์เรล รับมืออุปทานตึงตัว
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด 96.23 เหรียญ ลดลง 5.6% ส่วน BRENT ปิด 101.07 เหรียญ ลดลง 5.2% หลังสมาชิก IEA เคาะระบายน้ำมัน 120 ล้านบาร์เรล รับมืออุปทานตึงตัวเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน รวมถึงคลังของสหรัฐอยู่ที่ปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ในวันพุธที่ 6 เม.ย. 2565 หลังจากประเทศสมาชิกสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ตกลงว่าจะระบายน้ำมันจากคลังสำรองเพื่อรับมือกับภาวะอุปทานตึงตัว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์
สำหรับสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลงมาที่ 5.73 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 96.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 2565
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลงอยู่ที่ 5.57 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 101.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 2565
โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประเทศสมาชิก IEA จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ในปริมาณ 120 ล้านบาร์เรล เพื่อรับมือกับภาวะอุปทานตึงตัวและเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยน้ำมันที่จะระบายออกจากคลังนี้ รวมถึงน้ำมันจากคลังของสหรัฐในปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสิ้นสุดวันที่ 1 เม.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.85 ล้านบาร์เรล
สำหรับข้อมูลของ EIA สอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว EIA ยังเปิดเผยด้วยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล