BOI เผยยอดขอส่งเสริมลงทุน “ไตรมาสแรก” แตะ 1.1 แสนลบ.
บอร์ด BOI เคาะส่งเสริมลงทุนไตรมาสแรก ปี 2565 แตะ 1.1 แสนลบ. มีจำนวน 378 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน พร้อมปรับปรุงสิทธิประโยชน์กิจการ ”สถานีชาร์จอีวี” เปิดโอกาส STARTUP ลงทุน
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนว่า บอร์ดบีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน รวมมูลค่า 14,442.4 ล้านบาท ในกิจการ DATA CENTER จาก 2 บริษัท คือ บริษัท ทรู อินเตอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งมีโครงการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำยางสังเคราะห์ (SYNTHETIC LATEX) และโครงการผลิต COPPER FOIL
สำหรับสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกของปี 65 มีจำนวนโครงการรวม 378 โครงการ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่ารวม 110,733 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ารวม 77,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยแหล่งที่มาของเงินทุนที่มีมูลค่าการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ไต้หวัน มูลค่าลงทุน 37,076 ล้านบาท ญี่ปุ่น มูลค่าลงทุน 13,788 ล้านบาท และจีน มูลค่าลงทุน 13,361 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้บอร์ดบีโอไอได้อนุมัติปรับปรุงสิทธิประโยชน์การให้ส่งเสริมลงทุนกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า กรณีที่มีหัวจ่ายประจุไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 40 หัวจ่าย โดยเป็นประเภท QUICK CHARGE ไม่น้อยกว่า 25% ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี ส่วนกรณีอื่น ๆ ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินนิติบุคคล 3 ปี
รวมทั้งยกเลิกเงื่อนไขห้ามรับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานอื่น เนื่องจากการขับเคลื่อนให้เกิด การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าต้องอาศัยมาตรการหลายประการควบคู่กัน และยกเลิกเงื่อนไขการต้องได้รับรองมาตรฐาน ISO 18000 และปรับเงื่อนไขเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านมาตรฐานและความปลอดภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ได้เพิ่มเงื่อนไขให้มีการเชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มบูรณาการหรือแพลตฟอร์มส่วนกลางสำหรับบริหารจัดการเครือข่ายระบบอัดประจุไฟฟ้า เพื่อเชื่อมโยงระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน
“การปรับปรุงสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็ก หรือธุรกิจ STARTUP สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของบีโอไอได้ง่ายขึ้นและสร้างระบบนิเวศรองรับการบริหารจัดการธุรกิจบริการอัดประจุไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต” นางสาวดวงใจกล่าว