EA ราคาร่วง! โบรกยันไร้กังวล มั่นใจธุรกิจ “อีวี-แบตเตอรี่” หนุนกำไรแกร่ง
FSSIA ชี้สามประเด็นหลักกดราคาหุ้น EA ร่วงหนัก นักลงทุนเข้าใจผิด ยันหลักฐานไม่เพียงพอต่อการเสนอความจริง โดยมองว่าการปรับฐานแรงของราคาหุ้นเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ ก่อนบริษัทจะประกาศอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง คาดมาจาก S-Curve ใหม่ในธุรกิจ EV และแบตเตอรี่ แนะ “ซื้อ” ราคาเป้า 122 บ.
นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA, บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX และ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ร่วงลงอย่างหนักนั้น มาจากความกังวลของนักลงทุนในสามเรื่องหลักๆ คือ 1) การโยกย้ายการถือครองหุ้นในประเทศไปต่างประเทศ 2) การซื้อที่ดินของ EA ในนิคมอุตสาหกรรมบลูเทค และ 3) การสร้างและลงทุนในโปรเจคโซลาร์ฟาร์มที่นครสวรรค์
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่าความกังวลทั้งสามประเด็นเป็นการทำให้เข้าใจผิด และขาดหลักฐานที่เข้มแข็ง โดยมีการนำเสนอความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเข้าใจผิด
โดยเบื้องต้นทางฝ่ายวิเคราะห์ FSSIA ระบุว่าไม่พบหลักฐานการไถถอน หรือลดลงของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2565 อย่าง นายสมโภชน์ อาหุนัย และผู้ก่อตั้งอีกสองรายยังถือครองหุ้นอยู่เท่าเดิม โดยมีเพียงแค่นายสมโภชน์ อาหุนัย ที่เปลี่ยนการถือครองหุ้น EA จากเดิมภายใต้ชื่อตนเองไปเป็น Sotus & Faith หรือ SF ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้กองทรัส UBS AD Singapore Branch
นอกจากนี้การซื้อที่ดิน Land Prosperity Holding จากผู้ก่อตั้งไม่น่าจะเป็นธุรกรรมที่ไม่เป็นธรรม และที่สำคัญนั้นนอกจากจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น EA ในการช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนโซนที่ดินจากเขียวเป็นม่วง ยังช่วยลดราคาในการเข้าทำธุรกรรมการซื้อที่ดินอีกด้วยเช่นกัน ฝ่ายวิเคราะห์ระบุว่าจากประวัติธุรกิจของ EA นั้น บริษัทมีการลงทุนในธุรกิจโซลาร์ และวินด์ฟาร์มที่ดี มีการดำเนินงานที่แข็งแกร่งผนวกกับกำไรที่สูง
อย่างไรก็ดี FSSIA ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น EA ให้ราคาเป้าหมาย 122 บาท โดยเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลของนักลงทุนนั้นไม่เป็นธรรม และมองว่าการปรับฐานแรงของราคาหุ้นเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อก่อนที่บริษัทจะประกาศอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งซึ่ง FSSIA คาดว่าจะมาจาก S-Curve ใหม่ในธุรกิจ EV และแบตเตอรี่
อนึ่งเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2565 ราคาหุ้น EA ปรับตัวลงปิดที่ระดับ 88.25 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือลงไป 6.37% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10,815.92 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น NEX ปรับตัวลงปิดที่ระดับ 18.70 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลงไป 2.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,032.52 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้น BYD ปรับตัวลงปิดที่ระดับ 13.30 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือลงไป 3.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 436.32 ล้านบาท