UBE เปิดแผนปี 65 รุกขยายตลาด-ออกสินค้าใหม่ ดันรายได้โตตามเป้า 20%
UBE คงเป้าหมายรายได้ปีนี้โต 15-20% จากการจำหน่ายสินค้า High Value Product เดินหน้าขยายตลาด-ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมตั้งเป้า 3 ปี มีรายได้เติบโต 100% หรือมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 7 เมษายน 2565 ระบุว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,007 ล้านบาท โดยมาจากการจำหน่ายสินค้าประเภท High Value Product ในกลุ่มแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค และแป้งฟลาวมันสำปะหลัง
โดยคาดจะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นประมาณ 50% เนื่องจากบริษัทได้เริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ภายใต้แบรนด์ Tasuko เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และแพ้กลูเตน (Gluten-free) สามารถใช้ประกอบอาหารและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่นเดียวกับแป้งสาลี ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี
โดยในปีนี้นอกจากจะเน้นการขยายตลาด เพื่อให้แบรนด์ Tasuko เป็นที่รู้จักในประเทศมากขึ้นแล้ว บริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่องออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ภายใต้แนวคิด “Future Food เพื่อคนทุก Gen” เช่น แป้งสำหรับทำขนมและเบเกอรี่ โดยจะวางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้เปิดตัวแป้งทำขนม เช่น คัพเค้ก เครป และเค้กกล้วยหอม ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายแล้ว
ขณะที่ธุรกิจเอทานอล พบว่าในปีนี้มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่ดีมานด์เพิ่มขึ้น หลังจากมีการเดินทางมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูง ทำให้คาดว่าผู้บริโภคจะเลือกเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้เอทานอลปรับตัวสูงขึ้นด้วย ส่วนเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม ยังคงมีความต้องการที่ต่อเนื่อง จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้ของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2565-2567) จะมีรายได้เติบโต 100% หรือมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และตั้งงบสำหรับการลงทุนในปี 2565-2566 อยู่ที่ประมาณ 1,550 ล้านบาท แบ่งงบประมาณ 550 ล้านบาท สำหรับขยายกำลังการผลิต การปรับปรุงคุณภาพในส่วนของแป้งมันสำปะหลังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล โดยจะเป็นลักษณะการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตแบบคอขวด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะปรับสัดส่วนกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง จากเดิม 19% ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปีนี้ และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนในปีถัดไป เพื่อให้กลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในอนาคต