W เปิดแผนปี 65 มุ่งขยาย “DOMINO’s PIZZA” ครบ 60 สาขา – คิดสูตรใหม่ลดต้นทุน
W เปิดแผนดำเนินธุรกิจปี 65 มุ่งขยาย “DOMINO’s PIZZA” ครบ 60 สาขา รวมทั้งร้านอาหารในเครือทั้ง “KAGONOYA “ และ “Le Bouef” รวมกว่า 10 ร้าน ขณะที่ “BAKE WORKS” ยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปเพื่อควบคุมต้นทุนให้ดีขึ้น
นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W ได้เปิดเผยถึงรายได้รวมของบริษัทฯในปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวม 412 ล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดมาจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ รายได้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 203 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้ DOMINO’S PIZZA เต็มปี ซึ่งต่างจากการรับรู้รายได้ของ DOMINO’S PIZZA เพียงแค่ 3 เดือนในปี 2563 (เนื่องจากรับมาในเดือนตุลาคม 2563) ทำให้ยอดขายของ DOMINO’S PIZZA ในปี 2564 สูงขึ้นจำนวน 133 ล้านบาท และการเติบโตขึ้นของยอดขายจากกลุ่มธุรกิจเดิมอีกจำนวน 70 ล้านบาท
โดยในปี 2564 สถาณการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และมีการปิดการขายอาหารจากหน้าร้านในบางช่วง แต่จากข้อมูลใน One Report ของบริษัทฯ ในปี 2564 บริษัทฯ ยังสามารถบริหารการเติบโตของยอดขายได้ดี โดยบริษัทฯ มีอัตราเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales Growth – SSS) เติบโตเฉลี่ยร้อยละ16.8 เทียบจากปี 2563 และมีอัตราเติบโตของยอดขายรวม (Total System Sales Growth – TSS) เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.0 หลักๆ เป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในทุก Brand และการผลักดันยอดขายจากแผนการตลาดและการพัฒนา Product ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ปัจจุบัน
โดยบริษัทฯ มีแบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้การดูแลจำนวน 4 กลุ่ม คือ ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ KAGONOYA ธุรกิจร้านอาหารสไตล์ยุโรป ร้าน Le Bouef ธุรกิจร้านขนมอบ ร้าน BAKE WORKS และธุรกิจร้านพิซซ่า DOMINO’s PIZZA โดยมีรายละเอียดการพัฒนาการที่สำคัญในปี 2564 และแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ดังต่อไปนี้
ด้านธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น บริษัทฯ มั่นใจว่าร้านชาบูบุฟเฟต์ต้นตำรับจากญี่ปุ่นแบรนด์ KAGONOYA เป็นผู้นำของตลาดชาบู ซึ่งอยู่ใน TOP 5 ในตลาด ด้วยคุณภาพของเนื้อ การเป็นต้นตำรับของน้ำซุป และรายการอาหารที่หลากหลายที่สร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และพัฒนารายการอาหารให้หลากหลายขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงความต้องการของลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายการขยายสาขาอีก 3 สาขา ภายในปี 2565 เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 11 สาขา
ด้านธุรกิจร้านอาหารสไตล์ยุโรปแบรนด์ Le Bouef ที่มุ่งเน้นการส่งมอบสเต็กที่ดีที่สุด ควบคู่กับฟรายทอดกรอบและซอสสูตรพิเศษ Café De Paris เน้นชูเอกลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยได้มีการเก็บข้อมูลและพัฒนารูปแบบร้าน เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุดอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มี 2 สาขา ที่ สาขาหลังสวนและสาขาอารีย์ โดยมีแผนจะขยายสาขาอีก 3 สาขา และเป็นร้านที่เป็น New Concept อีก 5 สาขา รวมทั้งยังมีพันธมิตรในการบริการอาหาร ภายในโรงแรมต่างๆ กับเชฟดีเค หรือดีแพงเกอร์ คอสลา (Deepanker Khosla) ที่เป็นเชฟระดับนานาชาติและมีรางวัลการันตีและมีประสบการณ์การทำงานในโรงแรมและร้านอาหารมามากกว่า 10 ปี ซึ่งที่แรกจะเริ่มที่ Summerset พระราม 9
ด้านธุรกิจร้านขนมอบร้าน BAKE WORKS ซึ่งได้นำขนมชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นมารวมไว้ในร้านเดียว ประกอบด้วย Bake Cheese Tart, RAPL พายแอปเปิ้ล, ZakuZaka และ Macaron Dhara Dhevi ปัจจุบัน BAKE WORKS มี 5 สาขา และ Macaron Dhara Dhevi อีก 10 สาขาที่อยู่ใน Prime Location ของกรุงเทพฯ และจะมีการเปิด Pop up Store ตาม Location ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ หมุนเวียนกันไป 5-10 สาขา นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการพัฒนาการทำสินค้าของตัวเอง ตั้งแต่กระบวนการคิดค้นสูตร และขั้นตอนการผลิตเพื่อการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565
ขณะที่ธุรกิจร้านพิซซ่า DOMINO’s PIZZA ที่เป็นร้าน QSR (Quick Service Restaurant) เน้นเรื่องความรวดเร็ว และความสะดวกสบายในการทาน Pizza ด้วยความคุ้มค่าที่สุด ณ สิ้นปี 2564 มีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 31 สาขา และจะขยายต่อให้มากขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า โดยวางแผนการขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้ได้ 60 สาขา ภายในสิ้นปี 2565 โดยยังคงเน้นจุดเด่นการเป็นผู้นำในเรื่อง Delivery Expert จัดส่งให้ลูกค้าอย่างถูกต้องและรวดเร็ว พัฒนารสชาติให้เข้าถึงได้ง่ายและถูกปากคนไทย ในการวางแผนก้าวไปข้างหน้าที่อาศัย Technology and Data Driven เพื่อความแม่นยำ และตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
ทั้งนี้แนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต และเป้าหมายการเติบโตของแต่ละธุรกิจในปี 2565 นี้ จะมุ่งเน้นไปที่การขยายสาขาและบริการ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้นต่อไปในอนาคต