โบรกเชียร์ซื้อ WPH เป้า 4.40 บ. คาดกำไร Q1 โตแกร่ง ผู้ใช้บริการเพิ่ม-พีอีต่ำ
โบรกเชียร์ซื้อ "WPH" เคาะเป้า 4.40 บ. คาดกำไรไตรมาส 1-2 โตแกร่ง เนื่องจากผู้ใช้บริการเพิ่ม ผู้ป่วยต่างชาติฟื้น และรับรู้รายได้ศูนย์สุขภาพเต็มพิกัด ทั้งนี้แนวโน้มปี 65 คาดรายได้โต 10% แตะ 1.35 พันลบ. ขณะที่พีอีต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
บริษัท หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (11 เม.ย. 2565) ประเมินเบื้องต้น ว่า บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH ได้ประโยชน์จากเปิดประเทศ เนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่ง WPH ปัจจุบันมีโรงพยาบาล ในเครือ 2 แห่งที่ตรัง จำนวนขนาด 120 เตียง, อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ จำนวน 59 เตียง และคาดว่าจะเปิดที่สมุย จำนวน 53 เตียง ในไตรมาส 1/2566 โดยร.พ.ไม่มีคนไข้ประกันสังคม และมี Hospitel ให้บริการกว่า 1 พันห้อง
โดยหลังจากช่วงที่ผ่านมาผลประกอบการปี 2564 มีรายได้ 1.2 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 74% จาก 705 ล้านบาทในปี 2563 ส่วนกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 232 ล้านบาท ดีขึ้นมากจากขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาทในปี 2563 โดยการเติบโตมาจากประเด็น
(1) การให้บริการรักษาโควิด โดยในปี 2564 มีรายได้โควิด (รวมฉีดวัคซีน) 41% ของรายได้รวม และคนไข้ทั่วไป 59%
(2) ผลประกอบการ รพ.ที่อ่าวนางที่เป็นกำไร (จากขาดทุนในปี 2563) ทำให้ GPM ปี 2564 เพิ่มเป็น 35% จาก 15% ในปี 2563
(3) การลดต้นทุนและประหยัดค่าใช้จ่าย
(4) มี Economy of scale โดยโครงสร้างคนไข้ปี 2564 ประกอบด้วย คนไข้เงินสด 31% และลูกค้าสินเชื่อ 69% (บริษัทประกัน, บริษัทคู่สัญญา, สปสช. เป็นต้น)
ส่วนแนวโน้มปี 2565 ผู้บริหาร WPH คาดรายได้โต 10% เป็น 1.35 พันล้านบาท โดยรายได้เกี่ยวกับโควิดอ่อนลงเป็น 20-25% ของรายได้รวม แต่รายได้จากคนไข้ไทยทั่วไปมีมากขึ้น, รายได้คนไข้ล้างไตเพิ่ม 50%, รายได้จากศูนย์เฉพาะทางระบบทางเดินอาหารและตับ, รายได้ศูนย์มะเร็งเพิ่มขึ้นจากผู้ป่วยต่างชาติเริ่มกลับเข้าในครึ่งหลังปี 2565 และรับรู้รายได้จากอาคารคนสุขภาพดี (Wellness center) เข้าเต็มปี ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อไตรมาส 2/2564
นอกจากนี้มองแนวโน้มปี 2566 รายได้คาดว่าจะโตเพิ่มเป็น 11% หรือ 1.49 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากต่างชาติเป็นสัดส่วน 24% ซึ่งเติบโตจากปีก่อนหน้า 170% เป็นผลมาจาก 1) เปิดให้บริการร.พ.วัฒนแพทย์ สมุย ในไตรมาส 1/2566 ใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาท คาดจะคุ้มทุนทาง EBTIDA ในปีที่ 2 ระยะเวลาคุ้มทุนราว 8 ปี และ 2) นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” WPH ราคาพื้นฐาน 4.40 บาท อิงจากค่า P/E ปีนี้ที่ 15 เท่า คาดว่ากำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1-2 ปี 2565 จะเติบโตแข็งแกร่งจากงวดเดียวกันปีก่อน และอ่อนลงจากไตรมาส 4/2564 ไม่มาก ส่วนทั้งปี 2565 คาดกำไรสุทธิลด 24% แต่ดีขึ้นจากปี 2563 ที่ขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท ส่วนปี 2566 เติบโตได้ 4% ด้าน Valuation จูงใจ ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปีนี้ต่ำเพียง 7.59 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยของโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็ก อยู่ที่ 22 เท่า คาด Dividend Yield ประมาณ 3% ต่อปี