ส่อง 4 หุ้น IPO ป้ายแดง! จ่อเข้าเทรด Q2 ลุ้นเม็ดเงินระดมทุนสูงกว่า Q1 แตะ 7.59 พันลบ.

เปิด 4 หุ้น IPO จ่อคิวเทรดไตรมาส 2/2565 จับตา! เม็ดเงินระดมทุนมากกว่าไตรมาส 1 แตะ 7.59 พันลบ.


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ภายในไตรมาส 2/2565 พบว่า มีทั้งหมด 4 บริษัท โดยแบ่งเป็นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 1 บริษัท ได้แก่ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS  และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 3 บริษัท ได้แก่  บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน)  หรือ CEYE ,บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP และบริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS

สำหรับบริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ได้แก่ น้ำมะพร้าว และน้ำผลไม้อื่นๆ รวมถึงเครื่องดื่มทั่วไป ได้แก่ ชานม เครื่องดื่มวิตามิน และเครื่องดื่มอื่นๆ โดยมีรายได้ทั้งจากการรับจ้างผลิตและการขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ

โดยเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 170,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.41 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งอยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้วัตถุประสงค์ในการระดมทุนบริษัทจะนำเงินเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และเพิ่มศักยภาพความเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มออกสู่ตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต

 

ส่วนบริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน)  หรือ CEYE ประกอบธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณา สื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิตัล ออนไลน์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีบริษัทย่อยคือ บริษัท ไม้ยืนต้น จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 99.82% ดำเนินธุรกิจให้เช่าสตูดิโอสำหรับการถ่ายภาพยนตร์ โฆษณา และรายการโทรทัศน์ ปัจจุบันมีสตูดิโอ 5 แห่ง

โดยเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 70,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (service) โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด

ทั้งนี้วัตถุประสงค์การระดมทุนบริษัทจะนำเงินไปใช้ลงทุนโครงการในอนาคต ประกอบด้วย ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,000 ตารางเมตร และ โครงการลงทุนอุปกรณ์การผลิต ทั้งอุปกรณ์การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ และลงทุนเพิ่มเติมในขั้นตอนภายหลังการผลิต นอกจากนี้ นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประโยชน์ในการบริหารสภาพคล่อง และเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต

 

ขณะที่บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP ประกอบธุรกิจรับพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด โดยเป็นผู้ให้บริการตั้งแต่การพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ จนถึงขั้นตอนการผลิตเป็นสิ่งพิมพ์สำเร็จรูป

โดยเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 25,400,000 หุ้น คิดเป็น 25.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)   กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์การระดมทุน บริษัทเพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนขยายโรงงาน และลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม รวมทั้ง ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ ซึ่งจะสนับสนุนให้ STP สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ที่วางไว้ จากปัจจุบัน มีกำลังการผลิตรวม 10,000 ตันต่อปี ก้าวสู่ผู้ประกอบธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ชั้นนำของประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และการบริหารงานอย่างมืออาชีพ

 

ด้านบริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ประกอบธุรกิจเป็นผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง โดยมุ่งเน้นคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพด้วยทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรง

โดยเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 94,000,000 หุ้น คิดเป็น 29.94% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้วัตถุประสงค์ในการระดมทุน บริษัทเพื่อจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งนำไปเพื่อต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายโรงงานการผลิตสินค้าและการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ และเพื่อต่อยอดการผลิตวัคซีนในเชิงพาณิชย์ ส่วนที่เหลือจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2565 ได้มีบริษัทเข้าซื้อขายนำร่องไปแล้ว 1 บริษัท ได้แก่ JDF โดยเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2565 มูลค่าระดมทุนประมาณ 390 ล้านบาท ดังนั้นมาลุ้นว่าหุ้น IPO น้องใหม่อีก 4 บริษัท CEYE ,PLUS ,STP และ BIS จะเข้าตลาดได้ตามแผนหรือไม่

ส่วนช่วงไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้วจำนวน 5 ราย แยกเป็นเข้าในตลาดหลักทรัพย์ SET จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ TKC ,CIVIL ,PEACE ,BBGI และเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 1 บริษัท ได้แก่ PTC  โดยการเข้ามาระดมทุนทั้ง 5 บริษัทรวมเม็ดเงินประมาณ 7,596.92 ล้านบาท

Back to top button