“หุ้นเอเชีย” เขียวสลับแดง! ตามดาวโจนส์ปิดร่วง วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ
“หุ้นเอเชีย” เขียวสลับแดง! ตามดาวโจนส์ปิดร่วง วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้(13 เม.ย.2565) ส่วนปรับตัวเพิ่มขึ้นและอ่อนตัวลงเล็กน้อย ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันอังคาร (12 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
โดยล่าสุดวันนี้ ณ 9.35 น.โดยดัชนีนิกเกอิเปิดที่ระดับ 26,755.05 จุด เพิ่มขึ้น 420.07 จุด หรือ +1.60%,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ณ เวลา 9.09 น. อยู่ที่ 2,692.92 จุด บวก 2.6.16 จุด, +0.98%,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ณ เวลา 9.41 อยู่ที่ 17,263.31 เพิ่มขึ้น 272.40 จุด, +1.60%
ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง ณ เวลา 9.09 น. อยู่ที่ระดับ 21,257.29 จุด ลดลง 61.84 จุด หรือ -0.29% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ณ เวลา 9.45 น. อยู่ที่ระดับ 3,199.89 จุด ลดลง 13.44 จุด หรือ -0.42%
ด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,220.36 จุด ลดลง 87.72 จุด หรือ -0.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,397.45 จุด ลดลง 15.08 จุด หรือ -0.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,371.57 จุด ลดลง 40.38 จุด หรือ -0.30%
ส่วนหุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยกลุ่มการเงินลดลงมากที่สุด 1.07% ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด 1.72% สวนทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น
โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2524 และใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.4%
นอกจากนี้ ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2548 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2525 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดได้ระบุย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อจัดการกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี
โดยบรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนในปลายสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากธนาคารรายใหญ่
ด้านนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทที่รวมอยู่ในดัชนี S&P500 โดยคาดว่าการขยายตัวของผลประกอบการเมื่อเทียบเป็นรายปีจะอยู่ที่ 6.1% ลดลงจาก 7.5% ในช่วงต้นปี