สธ. เตรียมชงยกเลิก RT-PCR เข้าประเทศ 22 เม.ย.นี้

กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอ ศบค.พิจารณาผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ ยกเลิกตรวจ RT-PCR เข้าไทย หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวติดเชื้อไม่มีผลต่อการระบาดโควิดในไทย


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศปก.ศบค. ในวันพฤหัสบดีนี้ (21 เม.ย. 2565) จะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับพื้นที่โซนสี รวมถึงมาตรการเข้าประเทศในระบบ Test&Go จากเดิมที่ให้ตรวจ RT-PCR 1 ครั้งเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งจะเสนอให้ปรับเป็นตรวจด้วย ATK หรือ อีกแนวทางคือไม่ต้องตรวจหาเชื้อ ก่อนเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ ศบค.ตัดสินใจในวันที่ 22 เมษายน นี้ โดยเหตุผลที่มีการปรับแนวทางเป็นเพราะ การติดเชื้อในประเทศมีจำนวนมากกว่าคนที่เดินทางเข้าประเทศ ดังนั้น การผ่อนคลายการเข้าประเทศก็คงไม่มีผลทำให้การติดเชื้อในประเทศเพิ่มมากขึ้นนัก

ส่วนกรณีผู้ประกอบการสถานบันเทิง ขอให้พิจารณาเปิดบริการช่วงหลังสงกรานต์ นั้น นพ.โอภาส ระบุว่า การประเมินหลังสงกรานต์ จะต้องดูในช่วง 2 สัปดาห์ว่าสถานการณ์จะรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขณะนี้มาตรการในประเทศผ่อนคลายเยอะพอสมควรแล้ว จึงต้องประเมิน 2 สัปดาห์นี้ว่าจะกระทบระบบสาธารณสุขหรือไม่ หากไม่มีอะไรก็จะค่อยๆ ผ่อนคลายอย่างแน่นอน

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลขผู้เสียชีวิตว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในวันนี้ (19 เม.ย. 2565) จำนวน 129 ราย ป่วยปอดอักเสบ 2,104 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 940 ราย ถือว่าตัวเลขค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้เป็นผลมาจากเทศกาลสงกรานต์ เพราะเพิ่งผ่านมาแค่ 2 วัน โดยช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่าง 12-18 เมษายน 2565 คาดว่า ตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นแบบช้าๆ จากผู้ป่วยสีเหลืองมาเป็นสีแดง

หากอาการรุนแรงมากถึงที่สุดก็เป็นสีดำ คือเสียชีวิต โดยจะเห็นภายใน 7-8 วัน หรือช่วงต้นพฤษภาคม จะไม่ได้ขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากระยะฟักเชื้อของโอมิครอนแม้จะสั้นลง แต่ก็ต้องใช้เวลา ตั้งแต่เริ่มป่วย จนป่วยหนัก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 8-10 วัน โดยผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสูงอายุ อย่างไรก็ตาม แม้คาดการณ์ตัวเลขผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่ถึงฉากทัศน์เส้นสีแดง น่าจะอยู่ระหว่างเส้นสีเหลืองและแดง คือ รุนแรงระดับปานกลางแต่ไม่มาก ประมาณ 1,000 กว่าคน

Back to top button