“กรมการค้าภายใน” จับตาราคา “น้ำมันปาล์ม” หลังอินโดฯห้ามส่งออก
กรมการค้าภายใน สั่งจับตาราคาน้ำมันปาล์ม หลังทางการอินโดนีเซียสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม มั่นใจไม่กระทบต่อการบริโภคของประชาชน และยังไม่มีมาตรการใดๆเพิ่มเติมต่อปาล์มน้ำมัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทางการอินโดนีเซีย แจ้งต่อบริษัทน้ำมันปาล์ม ว่า ในวันที่ 28 เมษายนนี้ อินโดนีเซีย ห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มโอเลอิน ซึ่งได้จากการนำน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการฟอกสี ขจัดกลิ่น และลดกรดไขมันอิสระ (RBD olein) เท่านั้น แต่จะไม่รวมถึงการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบนั้น
ทั้งนี้ ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะกระทบต่อราคาน้ำมันปาล์มในประเทศ รวมถึงน้ำมันปาล์มขวดสำหรับบริโภคหรือไม่ เท่าที่ติดตามเบื้องต้น ราคาน้ำมันปาล์มขวด ยังจำหน่ายในโครงสร้างราคาที่กรมการค้าภายในกำหนด โดยขายส่งเฉลี่ยขวด(ลิตร) ละ 62-66 บาท และขายปลีกในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ขวด(ลิตร) ละ 63-68 บาท ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการห้ามส่งออก หรือมาตรการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับปาล์มน้ำมัน เพียงแต่ต้องติดตามสถานการณ์ก่อน เพราะปัจจุบันสต๊อกในประเทศ ยังอยู่ในระดับที่เพียงพอ แต่กรมการค้าภายในจะดูแลการสร้างสมดุลของผู้บริโภค เกษตรกรชาวสวนปาล์ม และโรงงานผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดให้อยู่ร่วมกันได้
อีกทั้งรายงานระบุว่า ผลปาล์มดิบล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 9.70-10.70 บาท น้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 54-56 บาท ขณะที่การจำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดในห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่ยังมีราคาสูงเกือบขวดละ 70 บาท และยังจำกัดการซื้อไม่เกินคนละ 3 ขวด
สำหรับปัจจุบันทั่วโลกใช้น้ำมันปาล์ม คิดเป็นร้อยละ 60 ของน้ำมันพืชทั้งหมด อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันพืชรายใหญ่ของโลกคิดเป็นร้อยละ 30 ของการส่งออกน้ำมันพืชทั้งหมด เหตุผลที่ประกาศระงับส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อรับมือกับปัญหาราคาสินค้าแพงในประเทศ