โบรกเชียร์ซื้อ TACC เป้า 8.70 บ. มองกำไร Q1 ฟื้นแกร่ง รับแผนขยายสาขา-ออกเครื่องดื่มใหม่
“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” แนะนำซื้อหุ้น TACC ราคาเป้าหมาย 8.70 บ. มองกำไร Q1/65 ฟื้นตัวแกร่ง รับแผนขยายสาขา-ออกเครื่องดื่มรสชาติใหม่ ส่วนไตรมาส 2/65 ยังสดใสต่อรับไฮซีซั่นธุรกิจ
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับหุ้น บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 56 ล้านบาท (-3.4% จากไตรมาสก่อน, +19.1% จากปีก่อน) สาเหตุที่คาดกำไรลดจากไตรมาสก่อน มาจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนในแง่เทียบกับปีก่อนถือเป็นการฟื้นตัวดีตาม 7-11 และมีการออกเครื่องดื่มรสชาติใหม่
รวมถึงการขยายเข้าไปใน Lotus’s มากขึ้น ล่าสุดเข้าไป ใน Hypermarket 75 สาขา และ Jungle Café (ใน Go Fresh) ครบ 1,700 แห่งแล้ว จึงคาดรายได้จะเติบโต 5.2% เทียบกับปีก่อน
ขณะที่ยังมีสต็อกวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ราคาต่ำพอใช้จนถึงกลางปี 2565 คาดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้จะยังทรงตัวสูง 38.5% ขยับลงเล็กน้อยจาก 39% ในไตรมาส 4/64 แต่ยังสูงขึ้นจาก 35.9% ในไตรมาส 1/64 จาก Product Mix ที่ดี และคาดยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี จึงคาด SG&A จะทรงตัวที่ 18.5% ใกล้เคียงปีก่อนและไตรมาสก่อน และคาดส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมยังอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 3 แสนบาท
ส่วนแนวโน้มกำไรน่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/65 เพราะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ และยังมีแผนออกสินค้าใหม่มากขึ้น เช่น เครื่องดื่มรสชาติใหม่ All Café, เครื่องดื่มโถกด และคาดได้เห็นสินค้าใหม่กลุ่มกัญชงกัญชาภายในไตรมาส 2/65 นี้ รวมถึงจะรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่มากขึ้น
ขณะที่ปัจจัยหนุนการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากจะเติบโตตาม การขยายสาขาของ 7-11 ทั้งในไทยและต่างประเทศ และการฟื้นของธุรกิจ Character แล้ว ยังคาดจะรับรู้รายได้จากลูกค้า Non 7-11 มากขึ้น โดยเฉพาะ Bon Café ที่อยู่ระหว่างวางแผนธุรกิจร่วมกัน คาดจะเห็นความชัดเจนในครึ่งหลังปีนี้ถึงช่วงปี 66
ทั้งนี้ ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 10%-15% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม ฝั่งของต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก อาจเริ่มกระทบเข้ามาในไตรมาส 3/65 และหากรายได้สินค้าใหม่ทำได้ต่ำกว่าคาด อาจกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งหลังปีนี้ได้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ด้านต้นทุนช่วงครึ่งปีหลังต่อไป
โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ไว้ตามเดิม 234 ล้านบาท (+9.4% จากปีก่อน) และมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่ยังมี Catalyst จากแผนออกสินค้าใหม่ และการเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่กลุ่ม Non 7-11 ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตทั้งใน ระยะกลางและระยะยาว ขณะที่ประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยได้ประเมินผลกระทบด้านต้นทุนว่าจะกระทบในช่วงครึ่งหลังปี 65 เข้าไปแล้วราว 1% ในแง่อัตรากำไรขั้นต้น ยังคงราคาเป้าหมายที่ 8.7 บาท (อิง PE 23 เท่า)