หุ้นขนส่ง รับไฮซีซั่น-ค่าระวางหนุน โบรกชู LEO-TTA ท็อปพิก กำไรปีนี้แกร่ง!
6 หุ้นขนส่ง LEO, III, JWD, WICE, PSL และ TTA รับไฮซีซั่น-ค่าระวางหนุน โบรกชู LEO-TTA ท็อปพิก กำไรปีนี้แกร่ง
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ธุรกิจเรือเทกองและโลจิสติกส์ในท่าเรือใหญ่ของโลกอย่าง เทียนจิน ชิงเต่า หนิงโป และ เซินเจิ้น ในประเทศจีน และท่าเรือใน สหรัฐอเมริกา เริ่มเห็นการเติบโตระดับ Double-digit เหนือระดับ Pre-covid ในปี 2564 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามปริมาณการขนส่งเรือคอนเทนเนอร์รอบโลกคาดว่าจะลดลงราว 3% ในช่วงไตรมาส 1/2565 (อ้างอิงบทวิเคราะห์ของ ING) แม้ปริมาณการขนส่งผ่านท่าเรือในสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกในกรุงเซี่ยงไฮ้เกิดความติดขัดจากการมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด นอกจากนี้ปริมาณการขนส่งในยุโรปก็เห็นการลดลงและเกิดดีเลย์จากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนเริ่มมีการพูดถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์กรุงเซี่ยงไฮ้ครั้งแรกในวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ได้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 26 เม.ย. และยังเลื่อนการผ่อนคลายล็อกดาวน์อีกครั้งมาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดวันที่ 28 เม.ย. ได้มีการตรวจโควิดแบบ Mass-testing ต่อประชากรกว่า 5.60 ล้านคนในเมืองกวางโจว จากการสันนิฐานว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด 1 รายได้เดินทางเข้าเมือง ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทางฝ่ายวิจัยคาดว่ารัฐบาลจีนน่าจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มงวดในกรุงเซี่ยงไฮ้ได้ภายในเดือน พ.ค. เนื่องจากการติดเชื้อโควิดเริ่มลดลง 4 วันต่อเนื่องกัน สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ขณะที่จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในปักกิ่งยังคงต่ำกว่า 50 ราย/วัน คลายความกังวลว่าจีนอาจสามารถหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์กรุงปักกิ่งได้ นอกจากนี้เซี่ยงไฮ้เริ่มกลับมาให้บริการจัดส่งพัสดุทางไกลในวันอังคารที่ผ่านมาปัจจุบันกว่า 20% ของเรือคอนเทนเนอร์จากทั้งหมด 9,000 ลำรอบโลกกำลังติดค้างที่อยู่นอกท่าเรือของจีน ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าในการขนส่ง และระดับ Congestion ของในจีนขยับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดย ณ วันที่ 19 เม.ย. มีเรือกว่า 506 ลำที่จอดรอเทียบท่าที่ท่าเรือจีน หรือเพิ่มขึ้น 195% จาก 260 ลำที่ในเดือน ก.พ. (อ้างอิงบทวิเคราะห์ Windward shipping analytics)
นอกจากนี้การขนส่ง Logistics รถบรรทุกผ่านชายแดนจีนก็หยุดชะงักเช่นกัน ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยมองว่าหากจีนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมื่อไหร่ จะเห็น Resumption ของสินค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะหนุนให้การขนส่งกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งและอาจส่งผลให้มีการแย่งจองตู้คอนเทนเนอร์และพื้นที่บนเรือเหมือนที่เห็นกันในปี 2564 เพื่อเตรียมขนสินค้าส่งออกสำหรับซีซั่นใหม่ของปี 2565 ที่จะเริ่มส่งออกในเดือน พ.ค.ของทุกๆ ปี
สำหรับยอดค้าปลีกของจีนหดตัว 3.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในเดือน มี.ค. และอัตราว่างงานพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ครั้งแรกของการระบาดของโควิดในปี 2563 อีกทั้งมูลค่าของยอดขายบ้านลดลง 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หลังร้านอาหาร ร้านค้า และธุรกิจต่างๆ ปิดตัวลงในเซี่ยงไฮ้ และเมืองอื่นๆ ทั้งนี้ประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง ได้กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการกลางด้านการเงินและเศรษฐกิจเมื่อวันที่ (26 เม.ย.2565) โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางนโยบายมากขึ้นและเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามสุดกำลัง “All-out effort” ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งโครงการที่เสนอนั้นมีตั้งแต่ระบบการก่อสร้างการขนส่งทางน้ำ ทางรถไฟ สนามบิน ไปจนถึงด้าน พลังงาน และระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวต้องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่และการล็อกดาวน์ โดยการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานจะหนุนให้มีการขนส่งสินค้าวัสดุก่อสร้างอย่างเหล็ก ปูนซีเมนต์ และไม้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” สำหรับกลุ่ม Shipping & Logistics แม้ค่าระวางจะปรับตัวลงมาจากปัจจัยฤดูกาล อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจาก Supply chain disruption สืบเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งทำให้มีเรือบางส่วนค้างอยู่ที่ท่าเรือประเทศรัสเซีย ในขณะเดียวกันกับที่การขนส่งที่จีนก็หยุดชะงักจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ระยะเวลาการขนส่งจากฝั่งเอเชียตะวันออกไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกาใช้เวลาเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าของระยะเวลาเดินเรือก่อนเกิดโควิด ซึ่งกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายคาดว่าจะเป็นช่วงหลังของไตรมาส 2/2565 ซึ่งจะเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ High season ในไตรมาส 3-4 ทำให้ทางฝ่ายวิจัยมองว่าค่าระวางจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกครั้งและจะยังคงปีที่แข็งแกร่งของการขนส่ง Shipping & Logistics โดยหุ้น Top pick ของกลุ่ม Shipping & Logistics ได้แก่ LEO (ซื้อ/เป้า 22 บาท), TTA (ซื้อ/เป้า 13 บาท)
โดยทางฝ่ายวิจัยเลือก บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เป็น Top pick ของกลุ่ม แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 22 บาท โดยกำไรในไตรมาส 1/2565 ยังมีแนวโน้มที่ดีและคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง จากปริมาณการขนส่งที่สูงในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. โดยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน มี.ค. ยังเติบโตได้ 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งช่วยชดเชยค่าระวางของบริษัทที่ ปรับลดลงราว 5-7% ซึ่งทางฝ่ายวิจัยชอบ LEO จาก Growth story ทั้งด้าน Organic และ Inorganic growth โดยบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีกหลายรายในประเทศที่มีโอกาสจะทำธุรกิจ Logistics ร่วมกัน อาทิ warehousing อีกทั้งยังอาจมี M&A ดีลกับธุรกิจขนส่งต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ หรือ เวียดนาม ซึ่งบริษัทยังคงอยู่ระหว่างการศึกษา
ด้าน Valuation ยังน่าสนใจ ปัจจุบันเทรดอยู่บนค่า PER ที่ 16.40 เท่า (เทียบ Peers ของกลุ่ม Logistics ที่ 21.70 เท่า) โดยราคาหุ้นปรับตัวลงมา 15% จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทางฝ่ายวิจัยมองว่าสะท้อนปัจจัยความกดดันเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการล็อกดาวน์ของจีนไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อรวมถึงเก็งกำไรของไตรมาส 1/2565 ที่คาดว่าจะทำ New high
บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า กำไรไตรมาส 1/2565 จะอยู่ที่ 104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 9% จากไตรมาสก่อน ด้วยรายได้ที่ 824 ล้านบาท โดยการอ่อนตัวจากไตรมาสก่อน มาจากค่าระวางและปริมาณการขนส่งทางอากาศที่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนปริมาณการขนส่งที่ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากการขายบริษัท Teleport แต่บริษัทได้เข้าซื้อบริษัท ANI แทนในช่วงไตรมาส 4/2564 โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2565 จะอยู่ที่ 453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยผลกระทบบางส่วนจากการล็อกดาวน์ในจีนที่ยังมีความยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี AOTGA เห็นการฟื้นตัวได้ดีกว่าที่เดิมคาด และคาดว่าการเปิดประเทศรอบโลกจะทำให้สนามบินมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 นอกจากนี้บริษัทยังคงแผนการ Spin-off บริษัท ANI ในช่วงไตรมาส 4/2565 เพื่อเข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของบริษัท ASIA GSA (M) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 18 บาท อิงปี 2565 ค่า PER ที่ 24 เท่า
บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า JWD จะได้รับผลกระทบจากการที่มีการล็อกดาวน์ในจีนที่จำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับจีนไม่มาก โดยรายได้ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 จะดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากธุรกิจคลังห้องเย็น, ขนส่ง และยานยนต์ ที่ยังเติบโตดี รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ ESCO (ท่าเรือที่แหลมฉบัง) สำหรับกำไรปี 2565 ทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรจะเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนได้ทุกไตรมาสจากการรับรู้กำไรจากธุรกิจใหม่เพิ่มต่อเนื่อง
ด้านราคาหุ้นปรับตัวลงและ Underperform SET ลดลง 21% ตามกลุ่ม Logistics ที่ปรับตัวลง และกังวลต่อราคาน้ำมัน ที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง JWD สามารถส่งผ่านต้นทุนส่วนใหญ่ให้ลูกค้าได้ทำให้จะมีผลกระทบไม่มาก ขณะที่แนวโน้มกำไรปี 2565 ยังมีทิศทางที่ดี และราคาหุ้นจะมีโอกาสกลับมา outperform SET ได้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท อิงปี 2565 core PER ที่ 38 เท่า
บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า WICE จะมีสัดส่วนรายได้ราว 20%-30% ในการขนส่งเส้นทางจีน ทั้งจากการขนส่ง Sea freight, Cross border และ Air freight ซึ่งในช่วงล็อกดาวน์ในจีน WICE ยังมีการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้แต่จะใช้เวลานานมากขึ้นและต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะกระทบไม่มากและเป็นเพียงระยะสั้น รวมถึงจะมี Pent up demand กลับมา หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ และจากการที่จีนจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินผลประกอบการไตรมาส 1/2565 จะมีกำไร 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 9% จากไตรมาสก่อน ซึ่งยังเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนได้โดดเด่น จากค่าบริการขนส่งและปริมาณการขนส่งที่สูงขึ้นจากไตรมาส 1/2564 มาก ส่วนที่ลดลงจากไตรมาสก่อนมาจากปัจจัยฤดูกาล และได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการที่จีนมีการล็อกดาวน์ในเมืองสำคัญ สำหรับกำไรปี 2565 ยังประเมินเติบโตโดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่เป็น 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท อิงปี 2565 ค่า PER ที่ 22 เท่า
บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า กำไรสุทธิปี 2565 จะอยู่ที่ 3.49 พันล้านบาท ลดลง 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ที่ 8.12 พันล้านบาท ด้วย Assumption TC rate ของ PSL ที่ 19,118 เหรียญ/วัน (ปี 2564 = 20,338 เหรียญ/วัน) โดย PSLจะได้รับประโยชน์โดยตรงหากค่าระวางเรือเทกองปรับตัวขึ้นอีกครั้งเนื่องจากรายได้ของบริษัททั้งหมดมาจากการขนส่งเรือเทกอง อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมา 10% นับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันมี Downside 7% ต่อราคาเป้าหมายของทางฝ่ายวิจัย จึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 18 บาท อิงค่า PER ที่ 8 เท่า ทั้งนี้เนื่องจากทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองว่าค่าระวางยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็น High season ดังนั้นจึงทำให้กำไรของทางฝ่ายวิจัยอาจมี Upside risk ได้
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ทางฝ่ายวิจัยเลือกเป็นอีกหนึ่ง Top pick แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท อิงค่า PER ที่ 7 เท่า โดยประเมินกำไรในไตรมาส 1/2565 ที่ 996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 35% จากไตรมาสก่อน โดยการลดลงจากไตรมาสก่อนมาจากปัจจัยฤดูกาล และการล็อกดาวน์ในประเทศจีนที่ส่งผลกระทบต่อค่าระวาง อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือไปยังเส้นทางอื่นได้ ทำให้ผลกระทบด้านปริมาณการขนส่งมีจำกัด ทั้งนี้ธุรกิจ Offshore services ดีขึ้นจากการรับงาน Cable laying และ Decommissioning ที่มี Margin สูงขึ้น ส่วนธุรกิจปุ๋ยเคมีคาดยังเติบโตได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาปุ๋ยที่สูงขึ้น