SAWAD ไฟเขียว BFIT ควบรวม SCAP รุกคืบ “สินเชื่อรายย่อย” ดันธุรกิจโตกระโดด

บอร์ด SAWAD ไฟเขียว BFIT ควบรวมกิจการ SCAP จ่อชงผู้ถือหุ้นไฟเขียว 23 มิ.ย.นี้ ฟาก “ธิดา แก้วบุตตา” ชี้ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้น BFIT ในการรุกธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตโดดเด่น หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเครือศรีสวัสดิ์


นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า บริษัทฯตระหนักถึงการประกอบกิจการเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมองภาพการพัฒนาธุรกิจแบบองค์รวม ไม่พึ่งพิงเพียงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอนุมัติให้บริษัท เงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของธุรกิจและขยายกิจการได้มากขึ้น โดยมีแผนจะประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) แก่บุคคลรายย่อยทั่วไปที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่จากผู้จัดจำหน่าย  และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของ ธปท. โดยบริษัทฯจะทำการจำหน่ายหุ้นสามัญของ SCAP ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด จำนวน 39,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท คิดเป็น 65% ให้แก่ BFIT โดยการออกหุ้นใหม่ของ BFIT เพื่อแลกกับหุ้นของบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด (SCAP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ

ก้าวสำคัญในการควบรวมธุรกิจครั้งนี้ของ BFIT และ SCAP เป็นส่วนหนึ่งในแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อผลักดัน SCAP ที่ดูแลธุรกิจด้านสินเชื่อซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและโดดเด่นได้ดำเนินธุรกิจอย่างคล่องตัว โดยจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น SAWAD และ BFIT ในการควบรวมกิจการช่วงเดือน มิ.ย.นี้ และเมื่อผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติ  บริษัทฯจะดำเนินการสวอปหุ้นตามแผน คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 65 โดยโครงสร้างใหม่จะทำให้เกิดการแยกธุรกิจอย่างชัดเจน โดย SAWAD จะดูแลธุรกิจจำนำเป็นหลัก ส่วน BFIT จะรุกธุรกิจด้านสินเชื่ออื่นๆ อาทิ ธุรกิจเช่าซื้อทุกประเภทแบบครบวงจร และ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” นางสาวธิดา กล่าว

นายธิติธรรม โรจนพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ BFIT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด 100% ใน SCAP จาก SAWAD ในสัดส่วน 65%, นายวิชิต พยุหนาวีชัย ผู้บริหาร SCAP และกรรมการของ SAWAD ในสัดส่วน 10% รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายอื่นของ SCAP อีกจำนวน 9 ราย ในสัดส่วน 25% โดยอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นของ SCAP แบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน

สำหรับการเข้าซื้อหุ้นของ SCAP เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจของกลุ่ม SAWAD ซึ่ง SCAP ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ซึ่งหากเข้าซื้อ SCAP เป็นผลสำเร็จ จะเกิดการควบรวมกิจการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีขององค์กร โดยผู้ถือหุ้น BFIT จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพของบริษัทฯที่จะเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด ธุรกิจของSCAP ในปัจจุบันและอนาคตมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด และเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์และมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น  ทั้งนี้ได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2565 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้

นายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ SCAP เปิดเผยว่า การควบรวมกิจการดังกล่าว ส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากบริษัทฯอยู่ในระยะการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ยอดสินเชื่อใหม่รวมของทั้งบริษัทฯที่ปล่อยได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 เติบโตมากกว่า 157 % เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว และเติบโตกว่า 79% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2564

ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างเมื่อการควบรวมกับ BFIT แล้วเสร็จ โครงสร้างองค์กรและประเภทธุรกิจที่ชัดเจนพร้อมเงินทุนที่มีอยู่จำนวนมากจะเป็นการเสริมศักยภาพการทำกำไรที่ดีเยี่ยม ส่งเสริมให้องค์กรมีประสิทธิภาพสูงสุด การควบรวมกิจการนี้จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญอีกครั้งของ BFIT ที่จะผลักดันให้ BFIT เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อชั้นนำระดับประเทศ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นทันทีที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น SAWAD และ BFIT ในช่วงเดือนมิ.ย. นี้ และธปท. รับคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนของ BFIT

ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ของเครือศรีสวัสดิ์ จะช่วยให้ธุรกิจมีความชัดเจนและพร้อมขยายตัวสู่ธุรกิจสินเชื่อเป้าหมายอื่นเพิ่มเติมได้ ซึ่งผมในฐานะที่เป็นผู้บริหารที่ดูแลธุรกิจด้านสินเชื่อ มองว่าแนวโน้มธุรกิจสินเชื่อรายย่อยกำลังอยู่ในระยะการเติบโตที่ต้องจับตามอง หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มผ่อนคลายลง การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคจะค่อยๆทยอยฟื้นตัว หนุนให้การปล่อยสินเชื่อเติบโตได้ดี โดย SCAP ได้วางแนวทางในการผ่อนคลายความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันพร้อมเพิ่มช่องทางการเข้าถึงและเพิ่มผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนี้เชื่อว่าธุรกิจสินเชื่อเป็นธุรกิจที่มีอนาคต หากผนวกรวมกับเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ  การเข้าถึงสินเชื่อจะเป็นเรื่องง่ายขึ้น สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตได้ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายวิชิต กล่าว

Back to top button