SO ประชุมผู้ถือหุ้นปี 65 กางแผนขับเคลื่อนธุรกิจมุ่ง “Tech Company”

SO จัดประชุมผู้ถือหุ้นสามัญปี 65 กางแผนพัฒนาโซลูชั่นใหม่ เดินหน้าปรับยุทธศาสตร์ สร้างสุดยอด outsource platform ตอบโจทย์แบบจำลองธุรกิจโลกอนาคต พร้อมก้าวขึ้นผู้นำ “Tech Company”


บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO เปิดเผยว่า บริษัทจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-AGM โดยมี นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะกรรมการของบริษัท เข้าร่วมการประชุม ประกาศผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องสวนวิกฤตเศรษฐกิจ และเดินหน้าปรับยุทธศาสตร์สร้างสุดยอด outsource platform เพื่อตอบโจทย์ business model ที่สอดคล้องกับโลกแห่งอนาคต

ด้านนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา กรรมการยุทธศาสตร์ SO กล่าวว่า ในอดีตประเทศไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์  จากนั้นในช่วงระยะเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา ได้ยกระดับการท่องเที่ยวด้วยนโยบาย Amazing Thailand เขย่าเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวไทยให้คึกคัก เติบโตอย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม GDP ในประเทศพุ่งสูงถึง 20% คิดเป็น 3 ล้านล้านบาท แต่หลังจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ GDP ลดลงเหลือ 2% คิดเป็น 3 แสนล้านบาท และหากบริษัทมองอนาคตข้างหน้า Growth Engine เป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนประเทศไทยสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้นั้น ต้องขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ให้กลายเป็น Digital Hub of Asian นั่นคือบริษัทจะก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ที่แข็งแกร่งและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนเศรษฐกิจที่เป็น physical หรือ ธุรกิจกายภาพจะเล็กลง และจะต้องเร่งปรับตัวด้วยการทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นให้เกิดขึ้นในองค์กร

ดังนั้น สยามราชธานี มีศักยภาพที่จะเป็น “ดิจิทัลอินฟราสตรัคเจอร์” ของเมืองไทย โดยพัฒนาเรื่องของ Human Capital เพิ่มศักยภาพบุคลากร หรือ Reskill และ Upskill เพื่อตอบสนองกับความต้องการแรงงาน และพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือ World class cloud base Application เพื่อช่วยลดต้นทุนให้บริษัทต่างๆ ส่งผลเศรษฐกิจไทยสามารถปรับตัวได้กับเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Digital Economy ในอนาคต นอกจากนี้ ยังต้องสร้าง Outsource Platform เพื่อที่จะพัฒนา Business Model ให้สอดคล้องกับโลกอนาคตและเทรนด์ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ส่วนนายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SO กล่าวว่า หลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในครั้งนี้ จากการที่บริษัทนำระบบซอฟต์แวร์เข้ามาใช้ในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เร่งให้หลายองค์กรต้องปรับตัว ช่วยรองรับการทำงานทางไกลมากขึ้น เพื่อที่จะลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งในขณะนี้ทาง SO ได้นำระบบ Cloud Base Application เข้ามาใช้เพื่อที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทต่างๆ

โดยคาดการณ์ว่าในอนาคต หากบริษัท หรือองค์กรที่ไม่พัฒนาสู่กระบวนการดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น อาจส่งผลให้บริษัทเหล่านี้หายไปถึง 40-50% ของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือการเปลี่ยนแปลงของโลกที่บริษัทกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่ง SO พร้อมที่จะพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็น Tech Company และรองรับเศรษฐกิจโลกที่จะเติบโตและปรับตัวให้เข้ากับ Digital Economy ในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1.การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการบริการการจ้างเหมาบริการครบวงจรมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนการวิจัยและการพัฒนา (R&D) เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ และ 2.การพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ กับพันธมิตรของบริษัท และพร้อมที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่เมื่อมีโอกาส เนื่องจากมองว่าจะช่วยให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่จะสามารถตอบโจทย์ตามความต้องการลูกค้าได้หลากหลายและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม SO จึงพร้อมปักหมุดเตรียมขึ้นแท่นสู่ Tech Company แถวหน้าของเมืองไทย ที่ประกอบด้วย Business model platform ที่ทันสมัยโดดเด่นด้านงานจ้างเหมาบริการแบบครบวงจร ผนึกกำลังกับกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ อีกทั้งยังเดินหน้าปรับยุทธศาสตร์ของบริษัท ช่วยสร้างระบบนิเวศให้เกิดนวัตกรรมและการบริการแบบใหม่ เพื่อนำไปสู่โครงสร้างพื้นฐานที่ดีในการบริหารจัดการที่พร้อมร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยกระบวนการดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น สำหรับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนต่อไป

Back to top button