MCS คว้างานใหม่ 8 โครงการ ดันแบ็คล็อกพุ่ง 2.6 แสนตัน
MCS เซ็นสัญญางานใหม่ 8 โครงการ 1.21 แสนตัน เดินหน้าเร่งเจรจาโปรเจกต์เพิ่มอีก 7 หมื่นตัน หลังกักตุนแบ็คล็อคแน่น 2.6 แสนตัน รองรับเติบโตระยะยาว 5 ปี พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่และดึงเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ
ดร.ไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาในการรับจ้างผลิตงานใหม่ 8 โครงการ รวมทั้งสิ้น 121,000 ตัน โดยทั้ง 8 โครงการมีระยะเวลาผลิตเริ่มตั้งแต่ปี 2565 – 2568 ซึ่งโครงการใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่ 41,000 ตัน ของ บริษัท kajima corporation co. ltd เป็นโครงการขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้บริษัทมีงานรับล่วงหน้าที่ค้างอยู่ประมาณ 66,000 ตัน ซึ่งเมื่อรวมกับงานใหม่อีก 8 โครงการ ทำให้บริษัทมีงานรับล่วงหน้าแล้วทั้งหมด 187,000 ตัน โดยเป็นงานในมือจนถึงปี 2568 ซึ่งงานดังกล่าวไม่รวมส่วนของโรงงานในประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ บริษัทได้ส่งมอบโครงการ Toranomon Azabudai อาคารสูงที่สุดในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการจัดอันดับอาคารสีเขียวในระดับแพลตินัม ประเภท ND.LEED จาก US Green Building Council (USGBC) ที่ประเมินรองรับอาคารและเมืองทั่วโลก สะท้อนถึงมาตรฐานโครงการในระดับดีเยี่ยม และเป็นโครงการที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ส่งผลดีต่อบริษัทที่จะทำให้ได้โครงการใหม่เพิ่ม ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการใหม่ที่มีชื่อเสียง ไม่แพ้โครงการ Toranomon Azabudai มูลค่าโครงการราว 40,000 ตัน คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปโครงการนี้ภายในสิ้นปี 2565 ขณะเดียวกันพร้อมเร่งเจรจาอีก 1-2 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ตัน คาดจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1/2566
“สำหรับ 8 โครงการใหม่ที่บริษัทได้เซ็นสัญญา รวมแล้วกว่า 121,000 ตัน แน่นอนว่าจะทำให้มีงานในมือรองรับได้ถึงปี 2568 แต่จากศักยภาพของเราที่เร่งปรับปรุงในหลายด้าน ทำให้วันนี้บริษัทเชื่อว่า MCS จะสามารถรับงานได้เพิ่มขึ้น ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจาอีกราวๆ 70,000 ตัน เมื่อรวมทั้งหมดแล้วบริษัทสามารถตุนงานในมือได้ประมาณ 260,000 ตัน ในช่วง 5 ปีจากนี้ สะท้อนว่า MCS กำลังจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง” ดร.ไนยวน ชิ กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทได้เดินหน้าพัฒนาหลายส่วนขององค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจโดยใช้เวลา 1-2 เดือน เพื่อรองรับการผลิตที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ การปรับปรุงโรงงานโดยการนำเข้า ติดตั้งเครื่องจักรใหม่ภายในโรงงาน และการติดตั้งห้อง War Room เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการบริหารงาน โดยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูล และสถานะของโครงการได้อย่าง Real Time เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท, การนำระบบ IT เข้ามาใช้โดยให้พนักงานทุกคนส่งข้อมูลผ่าน Tablet เพื่อลดการใช้เอกสาร (paperless), การนำโปรแกรมแบบ แบบ 3 มิติ (3D) เพื่อให้ช่างสามารถดูงาน ดูแบบของโครงการเพื่อให้เห็นภาพรวมของชิ้นงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และรองรับงานใหม่ที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการก้าวสู่นวัตกรรมใหม่ที่บริษัทพร้อมเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน