ราคาน้ำมัน WTI ปรับขึ้น 55 เซนต์ เก็งโอเปกพลัส เพิ่มกำลังผลิต 4.32 แสนบาร์เรล/วัน
ราคาน้ำมัน WTI ปรับขึ้น 55 เซนต์ เหนือ 108 เหรียญ จับตาประชุมโอเปกพลัส หวังยึดข้อตกลงเดิม เพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 108 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันนี้ เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย.
ณ เวลา 18.49 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.51% สู่ระดับ 108.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยแหล่งข่าวระบุว่า โอเปกพลัสจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมวันนี้ ซึ่งเริ่มขึ้นในเวลา 18.30 น.ตามเวลาไทย โดยโอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค. แม้ว่าสหรัฐและหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตให้มากขึ้นกว่าในระดับปัจจุบัน หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 139 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ โอเปกพลัสอ้างว่าทางกลุ่มไม่ควรถูกตำหนิ หรือรับผิดชอบต่อการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่เกิดจากภาวะตึงตัวในตลาดขณะนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาที่ชาติตะวันตกก่อขึ้นเองในการคว่ำบาตรรัสเซีย นอกจากนี้ โอเปกพลัสยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่จะได้รับผลกระทบจากการที่จีนประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้และบางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เห็นพ้องกับชาติตะวันตกในการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างมาก ก็จะสร้างความขัดแย้งกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกพลัสเช่นกัน และอาจนำไปสู่การล่มสลายขององค์กรดังกล่าว
นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เสนอให้ประเทศสมาชิก EU ระงับการนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
ทั้งนี้ นางฟอน เดอร์ เลเยน เสนอต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรปว่า EU จะระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน และระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ โดยจะระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรวมถึงการขนส่งน้ำมันทางทะเลและท่อส่งน้ำมัน, น้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่น
สำหรับมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียในครั้งนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก EU ทั้งหมด 27 ประเทศ ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ฮังการีและสโลวาเกียจะยังคงสามารถซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียภายใต้ข้อตกลงปัจจุบันจนถึงสิ้นปี 2566