“บล.พาย” แนะเกาะติดเงินเฟ้อ เน้นลงทุนกลุ่ม “ส่งออก-โรงกลั่น” ชู ASIAN-TOP

“บล.พาย” ชี้ทิศทาง SET สัปดาห์นี้กรอบ 1,615-1,645 จุด เกาะติดเงินเฟ้อ เน้นลงทุนระยะสั้นกลุ่มส่งออก-โรงกลั่น ผลบวกค่าเงินบาทอ่อนค่า ชูหุ้นเด่น ASIAN ราคาเป้า 23 บ. -TOP ราคาเป้า 67 บ.


บริษัท หลักทรัพย์พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินภาวะตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยหลักที่ตลาดจะให้ความสำคัญ ได้แก่ การรายงานภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐ หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย ซึ่ง Bloomberg คาดที่ 0.2% เทียบเดือนก่อนหน้า, 8.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน รวมไปถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะทราบผลอย่างเป็นทางการในคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย ซึ่ง Bloomberg คาดที่ 10.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน, 0.5% เทียบกับเดือนก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน บล.พาย ตั้งข้อสงสัยว่าเงินเฟ้อสหรัฐยังหาจุดสูงสุดไม่เจอ สะท้อนจากการเติบโตเดือนต่อเดือนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหากพิจารณาสาเหตุหลักของเงินเฟ้อสหรัฐ หรือแม้กระทั่งเงินเฟ้อไทย พบว่าสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมัน ดังนั้น หากเงินเฟ้อจะคลี่คลายคงต้องพิจารณาไปถึงราคาน้ำมัน

ส่วนในปัจจุบันสถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซียยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน และ EU ก็เริ่มมีแผนจะหันไปหาพลังงานจากแหล่งอื่น ภาวะอุปทานขาดแคลนของน้ำมันจึงยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้น โอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับฐานจึงยังไม่น่าจะเกิดเร็วๆนี้ ภาวะเงินเฟ้อจึงมีแนวโน้มดำเนินต่อไป

อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นต้องระวังเพราะเสี่ยงกับกำลังซื้อหดตัวกระทบเศรษฐกิจ รวมถึงบริษัทจดทะเบียน ความสามารถในการทำกำไรก็มีปัญหาอีกด้านผลจากต้นทุนที่เร่งตัวขึ้น ล่าสุด Bloomberg Consensus ปรับลดกำไรต่อหุ้นของตลาดลงมาอยู่ที่ 95 บาท/หุ้น จากก่อนหน้า 97 บาท/หุ้น

สำหรับในประเทศเน้นไปยังผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ที่เริ่มเข้าใกล้โค้งสุดท้ายของการประกาศ สัปดาห์นี้ Bloombergคาดว่าจะมีหุ้นใน SET100 ราว 76 บริษัทรายงานออกมา

ดังนั้น คาดว่าช่วงต้นสัปดาห์ตลาดจะเคลื่อนไหวกรอบจำกัดเพื่อรอติดตามอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ หากแรงกว่าคาดก็จะเป็นปัจจัยกดดันตลาด แต่หากต่ำกว่าคาดจะเป็นบวกกับตลาด สำหรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลาดยังคงให้น้ำหนักการประชุมเดือน มิ.ย.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ยังไม่เห็นความร้อนแรงของการปรับขึ้นถึง 0.75%

โดยสัปดาห์นี้ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทย 1,615-1,645 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุมมอง Wait & See สำหรับการลงทุนระยะกลาง ส่วนระยะสั้นแนะกลุ่มส่งออก ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และในผลบวกค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างโรงกลั่น ได้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ผลบวกค่าการกลั่นยืนระดับสูง

ทั้งนี้ จากหุ้นดังกล่าวข้างต้นให้เป็นหุ้นดาวเด่น อย่าง บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท ประเมินกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 จากรายได้อาหารสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งขึ้น หนุนจากกำลังการผลิตใหม่และอัตรากำไรที่ปรับดีขึ้นจากแรงกดดันด้านตนทุนที่ผ่อนคลายลง

รวมถึง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 67 บาท ภาพรวมไตรมาส 1/2565 รวมทั้งปี 2565 เป็นบวกจากค่าการกลั่นขาขึ้นที่คาดว่าจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรปกติและเป็นกันชนต่อ downside risk ของราคาหุ้นได้ ขณะที่มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการปรับฐานเงินทุน เพราะการลงทุนในโครงการ CAP จะปูทางไปสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ที่มีศักยภาพสูง

Back to top button