“ทองคำโลก” ปิดร่วงหลุด 1,860 เหรียญ หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง-ดอลล์แข็งค่า
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดตลลาดเมื่อวานนี้ร่วงลง 24.2 ดอลลาร์ หลุดจากระดับ 1,860 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 24.2 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1,858.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลุดจากระดับ 1,860 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 54.7 เซนต์ หรือ 2.45% ปิดที่ 21.82 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 17.5 ดอลลาร์ หรือ 1.83% ปิดที่ 938.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 38.30 ดอลลาร์ หรือ 1.89% ปิดที่ 2,061.50 ดอลลาร์/ออนซ์
โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดโภคภัณฑ์โลกปรับตัวลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.185% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 ขณะที่ดัชนีดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปีเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค. 2565)
ทั้งนี้ สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทไคเนซิส มันนี ให้ข้อมูลว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด คือการที่นักลงทุนเลือกที่จะเทขายทองคำ และหันไปซื้อสกุลเงินดอลลาร์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงหลังจากรัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19