UAC ปลื้ม “ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับเชื่อถือระดับ BBB- แนวโน้ม “Stable”

UAC ปลื้ม “ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ BBB- แนวโน้ม Stable เตรียมเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 500 ลบ. ในไตรมาส 2/65 เพื่อนำเงินลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและเทรดดิ้ง หวังดันรายได้ปีนี้ แตะ 2 พันลบ.


นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นในการให้บริการในธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ และการต่อยอดธุรกิจสู่พลังงานสะอาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต ล่าสุดทาง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) สถาบันจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือของไทย ได้ประกาศอันดับความน่าเชื่อถือของ UAC ในระดับ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

โดยอันดับเครดิต BBB- แนวโน้ม “Stable” เป็นการตอกย้ำจุดแข็งของบริษัทในด้านความสามารถในการแข่งขัน เพราะ UAC ถือเป็นบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่มากกว่า 2 ทศวรรษ เป็นทั้งผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้กับผู้ผลิตสินค้าชั้นนำในระดับโลก อาทิ Honeywell และ PALL Corporation ซึ่งสินค้าของบริษัทเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าในกลุ่มโรงกลั่น และ ปิโตรเคมีชั้นนำของประเทศไทย

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ได้ประเมินว่า แนวโน้มการเติบโตของ UAC สามารถฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีมากขึ้น และการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมัน ซึ่ง UAC ได้รับสิทธิประโยชน์จาก บริษัทร่วมทุน “บางจากไบโอฟูเอล” หรือ BBF โดยถือหุ้นอยู่ 30% ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถรับรู้เงินปันผลจาก BBF ได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากการจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อองค์กรของบริษัทในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นต่อภาพรวมธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งในไตรมาส 2/2565 บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท

รวมทั้ง นำไปขยายการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงาน และแผนการลงทุนอื่น ๆ ในอนาคต ตามแผนการขยายการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ควบคู่ไปกับการการเร่งขยายการตลาดในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง ไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ มากขึ้น พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กร

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) และการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ในปีนี้ แตะระดับ 2,000 ล้านบาท รวมถึงการรักษาอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา รวมถึงค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่ามูลค่า 420 ล้านบาท ของรายได้ยอดขายรวม ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนต่างๆ อาทิ โครงการจัดการขยะเพื่อผลิตพลังงานทดแทน และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ในโครงการแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 และ L11/43 โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน และโครงการอื่น ๆ ของบริษัทได้ทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่องมากขึ้นในปีนี้ และปีหน้า ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเลขผลการดำเนินงานให้มีการเติบโตอย่างโดดเด่นได้ในระยะยาว

Back to top button