BPP รายได้ขายไฟ-ส่วนแบ่งร่วมค้าพุ่ง! ดันกำไร Q1 โตทะลัก 182% แตะ 2.91 พันลบ.
BPP รายได้ขายไฟ-ส่วนแบ่งร่วมค้าพุ่ง! ดันกำไร Q1/65 โตทะลัก 182% แตะ 2.91 พันลบ. จากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.03 พันลบ.
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 มีดังนี้
บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 2,918 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 22 ล้านบาท) และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA จำนวน 3,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,412 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
โดยหลักมาจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Sunseap แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายของความผันผวนของต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก บริษัทได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบดังกล่าวและปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้น ทั้งการเริ่มขายไฟฟ้าในตลาดค้าส่งไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้สามารถปรับราคาขายไฟฟ้าได้สูงขึ้น การเจรจาเพื่อการปรับขึ้นของราคาขายไอน้ำ ซึ่งสามารถสะท้อนต้นทุนราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ การจัดหาเชื้อเพลิงถ่านหินแบบรวมศูนย์ และการปรับโหมดการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าให้เหมาะสม
ทั้งนี้บริษัทฯรายงานรายได้รวมจำนวน 3,861 ล้านบาท โดยมาจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม หรือ CHPs ทั้ง 3แห่งในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2,567 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 755 ล้านบาท หรือร้อยละ 42 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากปริมาณขายไฟฟ้าและราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเริ่มเข้าสู่ตลาดค้าส่งไฟฟ้าในปลายปี 2564
โดยแม้ราคาต้นทุนถ่านหินเฉลี่ยจะปรับตัวสูงขึ้น บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่ 183 ล้านบาท สืบเนื่องจากการดำเนินตามมาตรการต่างๆ ข้างต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนเมื่อปลายปี 2564 โดยมีรายได้ในไตรมาส1 อยู่ที่ 1,294 ล้านบาท และรายงานกำไรขั้นต้นที่ 69 ล้านบาท
โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้าจำนวน 3,232 ล้านบาท โดยส่วนหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ บ้านปู เน็กซ์ จำนวน 2,688 ล้านบาท จากการจำหน่ายเงินลงทุนในการร่วมค้าของกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุน (Portfolio Rationalization) และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า HPCและ โรงไฟฟ้า Nakoso โดยโรงไฟฟ้า HPC รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 642 ล้านบาท
ซึ่งในไตรมาสนี้ โรงไฟฟ้า HPC มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยผลิตที่ 2 เป็นเวลารวม 44 วันตามแผน ในขณะที่โรงไฟฟ้า Nakoso รายงานผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมากในไตรมาสนี้ หลังจากที่มีการหยุดซ่อมบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าในไตรมาสที่แล้ว โดยรายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 238 ล้านบาท
สำหรับโรงไฟฟ้า SLG รายงานส่วนแบ่งขาดทุนที่ 254 ล้านบาท สืบเนื่องจากต้องเผชิญความท้าทายของราคาต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้นมาก โดยบริษัทฯ มีมาตรการที่จะปรับปรุงผลการดำเนินงาน โดยเริ่มมีการขายไฟฟ้าในตลาดค้าส่งไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้สามารถปรับราคาขายไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนได้มากขึ้น ตลอดจนมีนโยบายเข้าเจรจาทำสัญญาซื้อขายถ่านหินกับรัฐวิสาหกิจจีนเพื่อลดความผันผวนของราคาต้นทุนถ่านหิน