TKS เดินหน้าปรับโฉมธุรกิจสู่ “Tech Ecosystem” มั่นใจดันรายได้โตต่อเนื่อง
TKS เดินหน้าปรับโฉมธุรกิจสู่ “Tech Ecosystem” ลุยลงทุนต่อเนื่อง รองรับเทรนด์อนาคต มั่นใจสร้างผลงานเติบโตในระยะยาว ลุยติดตั้งเครื่องจักรผลิตฉลากและบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปลอมแปลงเพิ่ม คาดแล้วเสร็จไตรมาส 2 เริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 3
นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 1/2565 (1 ม.ค.-31 มี.ค. 2565) มีกำไรสุทธิ 142.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.6 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 33.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 107.1 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 398.1 ล้านบาท แต่ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 72.3 ล้านบาท หรือ 15.4%
โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของยอดขายกลุ่มธุรกิจบัตรพลาสติกจากการที่บริษัทได้ขายกลุ่มธุรกิจดังกล่าวออกไปในไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาส 4/2564 มีรายได้เพิ่มขึ้น 54.1 ล้านบาท หรือ 15.7% จากกลุ่มธุรกิจฉลากป้องกันการปลอมแปลง และธุรกิจการพิมพ์ดิจิทัล
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2565 ออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรเป็นผลจากการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงาน 7.9 ล้านบาท คิดเป็น 22.3% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนการผลิตและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่ ธุรกิจฉลากและบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปลอมแปลง และธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ทำให้การลดลงของรายได้จากการขายและบริการจากยอดขายกลุ่มธุรกิจบัตรพลาสติก ไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและการค้าร่วมจำนวน 27.7 ล้านบาท จาก บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ซึ่ง TKS ถือหุ้น 38.6% อีกทั้งยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH เดิมชื่อ บริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP
“ด้านกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2565 ภาพรวมธุรกิจของ TKS จะเปลี่ยนไปเป็น Tech Ecosystem Builder มากขึ้น และยังคงเดินหน้าในการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อบรรลุกลยุทธ์ของบริษัทและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว วันนี้ TKS เดินมาถูกทาง ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น เชื่อว่าปีนี้เป็นปีที่จะทำผลงานได้ดี โดยเราจะเติบโตใน 3 ธุรกิจ หลัก คือ Fulfillment Solution ,Security Label & Packaging เทคโนโลยี QR Code การตรวจสอบการปลอมแปลง มีโอกาสเติบโตสูงซึ่งอยู่ในเทรนด์ของตลาด และ Platform Solution ปีนี้คาดจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน” นายจุติพันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการทำตลาดของธุรกิจผลิตฉลากและบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปลอมแปลง (Security Label & Packaging Solutions) ให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจฉลากและบรรจุภัณฑ์เป็นเทรนด์ที่มีความต้องการใช้งานสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยมีแผนติดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2565 โดยคาดว่าจะเริ่มมีรายได้ใหม่เข้ามาในไตรมาส 3/2565 สนับสนุนมูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น