“อาคม” ส่งสัญญาณต่ออายุ “ลดภาษีน้ำมัน” คาดปี 65 ท่องเที่ยวฟื้นตัว
“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 2565 ฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว หลังมีสัญญาณนักท่องเที่ยวเข้าไทยประมาณ 2 ล้านคน เผยกระทรวงคลังเดินหน้าต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “รวมพลังก้าวข้ามวิกฤต เดินหน้าเศรษฐกิจไทย” ผ่านทางออนไลน์ ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ จะฟื้นตัวไม่เร็วมาก แม้ว่าการส่งออกในปีนี้จะมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา ขยายตัวได้กว่า 15% โดยจะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 2565
ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้น นายอาคม มองว่า อาจยังขับเคลื่อนได้ไม่ได้เต็มที่ เพราะปัจจุบันผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยไม่เกิน วันละ 1 หมื่นราย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ทำให้รัฐบาลเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการด้านโควิด-19 เริ่มจากการเปิดประเทศ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ที่เป็นโครงการนำร่อง ตลอดจนเมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ได้ปลดล็อกมาตรการ เทสต์ แอนด์ โก
โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2565 (เดือนมกราคม-เดือนเมษายน 2565) มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วประมาณ 7 แสนคน และจากตัวเลขดังกล่าว ทำให้ประมาณการว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 2 ล้านคน เชื่อหลังจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบ มีการเปิดด่านชายแดน นักท่องเที่ยวจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในประเทศ และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะที่ภาคการใช้จ่ายของรัฐบาล ปี 2563 มีการออก พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และในปี 2564 กู้อีก 5 แสนล้านบาท เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ช่วยประคองเศรษฐกิจให้สามารถเดินไปได้ นอกจากนี้ ภาคการใช้จ่ายของรัฐและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังเดินหน้าตามปกติ มีการเร่งรัดให้หน่วยงานต่าง ๆ เบิกจ่ายเพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
นายอาคม ยังระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเผชิญกับปัญหาราคาพลังงานและอาหารสดที่แพงขึ้น ทำให้ดัชนีเงินเฟ้อปรับเพิ่มไปถึง 5% จากปกติอยู่ที่ 1% โดยราคาพลังงานได้ปรับเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตหลายเท่าตัว เป็นผลจากสงครามรัสเซียกับยูเครน เพราะฉะนั้น รัฐบาลก็ต้องดูแลปัญหาเฉพาะหน้า คือ การดูแลระดับราคาสินค้า ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือทั้งแบบพุ่งเป้าและแบบทั่วไป โดยในส่วนมาตรการแบบพุ่งเป้านั้น ก็ได้ช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพแก่กลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรง ส่วนมาตรการแบบทั่วไป คือ การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อพยุงราคาไม่ให้สูงเกินไป
อย่างไรก็ดี การพยุงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับ 30 บาทต่อลิตรนั้น ทางกระทรวงพลังงานอธิบายว่า เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อาจจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จำเป็นต้องยกระดับเพดานราคาน้ำมันที่เข้าไปพยุงให้สูงขึ้น แต่ทั้งนี้รัฐบาลก็ยังคงอุดหนุน เช่น กรณีราคาน้ำมันขึ้นไป 1 บาท รัฐบาลช่วยพยุง 50 สตางค์ผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่ มาตรการทางด้านภาษีก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้าไปช่วยให้ราคาน้ำมันต่ำกว่าเพดาน
สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้านั้น รัฐบาลและส่งเสริม 3 เรื่อง คือ เศรษฐกิจดิจิทัล โดยการใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัลให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจ อาทิ รัฐบาล ได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง เพื่อโอนเงินเยียวยาพี่น้องประชาชน โอนเงินในโครงการคนละครึ่ง หรือเราเที่ยวด้วยกัน ดังนั้น เศรษฐกิจดิจิทัล จึงเป็นเรื่องสำคัญในอนาคต หากใครไม่สามารถเข้าถึงหรือใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ก็จะเสียเปรียบในเชิงธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ซึ่งต้องปรับตัวทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและภาคธุรกิจ การระดมทุนเพื่อโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การออกพันธบัตรของรัฐบาลเพื่อประโยชน์กับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ สุขภาพ มีประเด็นสำคัญคือภาระภาครัฐในการใช้จ่ายเงินงบแผ่นดินสำหรับวัยเกษียณ ชราภาพ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ จะเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นมาตรการดูแลสังคมผู้สูงอายุ นโยบายภาครัฐต้องเข้ามากำกับดูแล ทั้งการใช้จ่ายงบประมาณและหลักประกันทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ และผู้เกษียณอายุ