ANAN โชว์ยอดโอน Q1 กว่า 1.4 พันลบ. ย้ำงบดุลแกร่ง Q2 ฟื้นตัวรับเปิดเมือง
ANAN เผยยอดโอนไตรมาส 1 กว่า 1,412 ล้านบาท จากยอดขายของโครงการพร้อมอยู่ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ย้ำงบดุลยังแข็งแกร่ง พร้อมฟื้นตัวไตรมาส 2 หลังเปิดเมืองเต็มรูปแบบ
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เผยยอดโอนไตรมาสแรก ปี 2565 อยู่ที่ 1,412 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายของโครงการพร้อมอยู่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า
โดยบริษัทฯ มีแบ็คล็อก ณ สิ้นไตรมาสแรก ปี 2565 กว่า 12,417 ล้านบาท ขณะที่สามารถลดต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ลดลงกว่า 276 ล้านบาท หรือลดลง 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน พร้อมเติบโตจากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ 5 โครงการมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท
นางสาวลิมลี่ ทิพพงษ์ประภาส ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศเริ่มผ่อนคลาย ส่งผลให้ลูกค้าในประเทศเริ่มกลับมาเดินทางมาขึ้นและทำให้ความต้องการคอนโดในเมืองติดรถไฟฟ้ากลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศไทย ทำให้ลูกค้าต่างชาติเริ่มกลับมา โดยจะชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งในไตรมาสแรก ปี 2565 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในส่วนยอดโอน 1,412 ล้านบาท มาจากยอดขายของโครงการพร้อมอยู่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า ในส่วนของแนวราบเติบโตโดดเด่นและช่วยหนุนให้ยอดโอนทั้งปี 2565 ทั้งกลุ่มจะเติบโตอย่างน้อย 30% มาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลงได้ถึง 276 ล้านบาท หรือ 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ากลยุทธ์ ANANDA NEW BLUE และการเปิดโครงการใหม่ จะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ทั้งนี้ บริษัทมีกลยุทธ์การกระจายรายได้จากยอดขายของธุรกิจลักษณะ “recurring income” ด้วยความพร้อมในการเปิดโครงการ service apartments อย่างต่อเนื่องถึง 5 โครงการอย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทได้มีการเริ่มเปิดดำเนินการ service apartment “Somerset Rama 9” ในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา และจะมีการเปิดโครงการอย่างต่อเนื่องอีก 4 โครงการ คือโครงการ “Ascott Thonglor”, “Ascott Embassy Sathorn”, “Lyf Sukhumvit 8”, และ “Somerset Pattaya” ในเดือน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม ในปีนี้ เดือนละ 1 โครงการตามลำดับ ในแง่ของฐานะทางการเงินพิจารณาจากระดับ Net interest bearing debt to equity Ratio ของบริษัทที่อยู่ที่ 1.13 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคู่แข่งในอุตสาหกรรม
ขณะที่ล่าสุด ทริสเรทติ้ง ยังคงอันดับเครดิตของบริษัทไว้ที่ระดับ BBB- แนวโน้มคงที่ ซึ่งถือว่าเป็นระดับน่าลงทุน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของผลประกอบการและฐานะทางการเงินของบริษัทที่ยังเข็มแข็ง นอกจากนี้ บริษัทวางแผนที่จะออกหุ้นกู้เพื่อนำมาขยายธุรกิจตามกลยุทธ์ ANANDA NEW BLUE โดยเตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ในไตรมาสที่ 3 และ อีก 2 โครงการในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้