ORI กำไร Q1 แตะ 738 ลบ. ย้ำแผนเปิด 31 โครงการ 4.2 หมื่นลบ. รับเป้า “ออลไทม์ไฮ” ทุกมิติ
ORI กำไรไตรมาส 1 อยู่ที่ 738 ลบ. เดินหน้าเปิดตัว 31 โครงการใหม่ปีนี้ มูลค่ารวม 4.2 หมื่นลบ. ขานรับเป้าหมาย "ออลไทม์ไฮ" ทุกทุกด้าน
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยในไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้รวมลดลง จากการลดลงของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้ค่าบริหารโครงการ รายได้ดอกเบี้ย รายได้อื่น รวมถึงกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมปรับตัวลดลง ทั้งต้นทุนการขายอสังหาริมทรัพย์ และค่าใช้จ่ายในการขาย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 กลุ่มบริษัทตั้งเป้าทุกด้านแบบ All Time High เริ่มต้นจากเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ (Presale) ทั้งสิ้น 31 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 42,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 137.0 จากงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 13,400 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 28,600 ล้านบาท
โดยโครงการคอนโดมิเนียมจะเติบโตไปในทุกกลุ่ม (Segment) มีแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ เช่น แบรนด์ ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), ออริจิ้น เพลส (Origin Place) และเพิ่มทําเลใหม่ เช่น ฝั่งธนบุรี นอกจากนี้มีโครงการใหม่ที่เป็นเมกะโปรเจกต์ ทําเลทองหล่อ ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” (Origin Thonglor World) ที่มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท
ทั้งนี้นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 (ม.ค.-มี.ค.2565) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,776 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ของคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า (Non-JV) กว่า 3,041 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการ รายได้พิเศษจากกิจการร่วมทุน รวมถึงรายได้จากการบริหารโครงการร่วมทุนที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 738 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 1/2565 ประกอบด้วย โครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรกอย่างโครงการคอนโดมิเนียม ดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ (The Origin Ram 209 Interchange) โครงการที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (Park Origin Phayathai) นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong) ในโครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง
ขณะเดียวกัน ยอดขายในไตรมาส 1/2565 ซึ่งอยู่ที่ 8,149 ล้านบาท ที่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ราว 6% และเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 11% ก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการพร้อมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ยังคงรักษาเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการร่วมทุน (Joint Venture Project) กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมานี้ มีโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นถึง 5 โครงการ โดยมีถึง 4 โครงการที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โซ ออริจิ้น พหลโยธิน 69 (So Origin Phaholyothin 69) และออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์ (Origin Plug & Play Srinakarin)
ส่วนโครงการบ้านจัดสรร 2 โครงการ คือ โครงการบริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 (Britania Town Bangna KM.17) และบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17 (Britania Home Bangna KM.17) และ อีก 1 โครงการ ที่เป็นการร่วมทุนที่ได้พันธมิตรใหม่ (Partner) อย่าง บริษัท โลฟิส (ไทยแลนด์) จำกัด คือ โครงการแกรนด์บริทาเนีย คูคต สเตชั่น ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของบริทาเนียในการร่วมทุน พัฒนาโครงการกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ
สำหรับไตรมาส 2/2565 นั้น โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor) มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรก โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ตุนอยู่แล้วกว่า 70% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งน่าจะมีส่วนสำคัญต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์และรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ขณะเดียวกัน ภาพรวมแบ็คล็อกของบริษัทในปัจจุบัน ทั้งกลุ่มโครงการ JV และ Non-JV มีมูลค่ารวมกว่า 35,800 ล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนสำคัญให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ฝั่งธุรกิจอื่นๆ ภายใต้แผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล หรือ Origin Multiverse ก็ยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ยังคงมองเห็นสัญญาณที่ดีในการเติบโต โดยไตรมาส 1/2565 นี้ โรงแรม 2 แห่งแรก คือ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor) และฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง (Holiday Inn & Suites Siracha Laemchabang) มีอัตราการเข้าพักกว่า 83% และ 58% ตามลำดับ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ไตรมาส 2/2565 จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงแรมไอบิส (ibis) 3 แห่งที่เพิ่งดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสิ้น และน่าจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากการผ่อนคลายมาตรการด้านการท่องเที่ยวและเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น จากปัจจัยทั้งหมดจึงคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 17,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1/2565 ทริส เรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จากระดับ BBB แนวโน้ม Positive สู่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในธุรกิจคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีสินค้าครอบคลุมหลากหลายระดับราคาไปจนถึงราคา 50 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่าและยังสามารถสร้างรายได้และยอดขายได้อย่างเติบโต แม้ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ในปี 2564 ที่ผ่านมา