จับตา ACE-SUPER จ่อชิงเค้ก โรงไฟฟ้าขยะ 283 เมกฯ หลัง “กพช.” เคาะซื้อ 34 โครงการ
จับตา ACE-SUPER จ่อชิงเค้กโรงไฟฟ้าขยะ หลัง "กพช." มีมติเห็นชอบรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทาง MCOT HD ช่อง 30 ว่า จากการที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์ (MW) สำหรับทางบริษัทยังไม่ทราบรายละเอียด แต่คาดว่าครอบคลุมโครงการที่ได้สัญญากำจัดขยะและรอคิวอยู่แล้ว โดยทางบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ได้สัญญากำจัดขยะแล้วจำนวน 2 โครงการ ที่ยังรอทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับหน่วยงานที่รับซื้อไฟฟ้า
โดยทั้ง 2 โครงการที่จ่อคิวอยู่นั้น เป็นโครงการที่บริษัทชนะการประกวดราคาเมื่อเดือน พ.ค. 2564 ในการกำจัดขยะขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชียงหวาง จ.อุดรธานี และ อบต.โชคชัย จ.นครราชสีมา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งโครงการละ 9.9 เมกะวัตต์ เป็นกำลังการผลิตเสนอขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โครงการละ 8 เมกะวัตต์ เมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าก็จะเริ่มพัฒนาโครงการได้เลย นอกจากนี้่ ACE ยังได้มีการเตรียมการไว้หลายพื้นที่ จากเป้าหมายโรงไฟฟ้าขยะ ที่เดิมทางภาครัฐมองไว้ประมาณ 400 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีประกาศออกมาบางส่วน ก็ยังมีส่วนที่เหลือที่ต้องรอต่อไป ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะทางบริษัทจะมีรายได้จาก 2 ส่วน ประกอบด้วย ค่ากำจัดขยะ และค่าจำหน่ายไฟฟ้า
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 322.4 ล้านบาท ลดลง 10% จากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 360.3 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1/2564 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 55 ล้านบาท แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรจากกิจกรรมปกติในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 326.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 305.6 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 1,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% จากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 1,314.1 ล้านบาท ซึ่งมาจากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก หลังจากที่เริ่มผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อเดือน พ.ย. 2564 นอกจากนี้ยังมีรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราค่าพลังงานไฟฟ้าที่ขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีการปรับราคาสูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ หรือมีความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนหลัก
ทั้งนี้หาก 3 ไตรมาสที่เหลือมีรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทั้งปี 2565 ก็น่าจะมีรายได้ประมาณ 6,400-6,500 ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและการลงทุนตามแผนงานแล้ว ยังอยู่ระหว่างเร่งศึกษาแนวทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอ โดยจะต้องเลือกดีลที่เป็นประโยชน์ ต้องดูทั้งเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทน จึงยากที่จะระบุว่าจะจบเมื่อไร หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ด้านนายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทาง MCOT HD ช่อง 30 ว่า จากมติของ กพช. เห็นชอบรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์ ทางบริษัทก็มีโครงการโรงไฟฟ้าขยะที่ จ.นครศรีธรรมราช ขนาด 20 เมกะวัตต์ และที่ จ.นนทบุรี ขนาด 20 เมกะวัตต์ รวมทั้งหมด 40 เมกะวัตต์ โดยได้มีการทำประชาพิจารณ์ครบถ้วนแล้วทั้ง 2 โครงการ และเซ็นสัญญารับกำจัดขยะกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) แล้ว 20 ปี หลังจากนี้รอเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็จะเริ่มก่อสร้างได้ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 18-20 เดือนถึงจะแล้วเสร็จ