SUPER ส่งซิก Q2 โตต่อ จ่อ COD เพิ่ม ย้ำเป้ารายได้ทั้งปี 65 ขยายตัว 35%

SUPER ส่งสัญญาณไตรมาส 2/65 โตต่อ หลังทยอย COD โครงการตามแผน พร้อมเดินหน้าขยายพลังงานหมุนเวียน ตั้งเป้าปี 65 กำลังผลิตรวมแตะ 1,900 – 2,000 MW-รายได้โต 30-35%


นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 1/2565 มีการเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 2,498.13  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143.61 ล้านบาท หรือ 6.10% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 2,354.52 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 552.80 ล้านบาท

ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรในไตรมาส 1/2565 เติบโต ได้รับปัจจัยหนุน บริษัทมีปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้าในพอร์ต โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์)ในประเทศเวียดนาม 9 โครงการ กำลังการผลิตรวม 836.72 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ HBRE Chu Prong Wind Power Farm กำลังการผลิต 50 เมกกะวัตต์ ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม ในช่วงไตรมาส 4/2564 และโรงไฟฟ้าขยะ ทยอยเข้ามาเพิ่มสนับสนุนเพิ่ม

โดยภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 รายได้เติบโตในทิศทางที่ดี และเชื่อว่าในไตรมาส 2/2565 และช่วงที่เหลือของปีนี้จะดีขึ้นต่อเนื่องเพราะการทยอย COD โครงการต่างๆ ตามแผน ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 30 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม โครงการโรงไฟฟ้าขยะที่จังหวัดหนองคาย เป็นต้น นายจอมทรัพย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนทั้งในส่วนของรายได้และกำไร เพราะปริมาณกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริด ขนาดกำลังการผลิต 49 เมกะวัตต์ คาดเห็นในไตรมาส 2/2565, โครงการ Energy Storage System ,โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบเอกชน (Private PPA ) ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 30 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ จะเห็นการร่วมมือกับพันธมิตร AC ENERGY VIETNAM INVESTS PTE. LTD ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำทางด้านธุรกิจพลังงานทดแทนฟิลิปปินส์ ในการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ คาดจะเห็นในช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทมองโอกาสในการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ ทั้งโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ทั้งในและต่างประเทศ  โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร (โซลาร์รูฟท็อป)และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน( Private PPA ) รวมทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid โดยปี 2565 ตั้งเป้าหมายรายได้ก้าวกระโดดตั้งเป้าเติบโต 30-35 % จากปี 2564 และกำลังการผลิตรวมให้ไปแตะระดับ 1,900 – 2,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565

Back to top button