ไอพีโอป้ายแดง FTI เทรดวันแรกลุ้นวิ่งเกิน 3 บ. โบรกชูพื้นฐานเด่น กำไรปีนี้ทะยาน 80%

ไอพีโอน้องใหม่ FTI ลงสนามเทรดวันนี้ลุ้นวิ่งเกินเป้า 3 บ. โบรกฯชูพื้นฐานเด่น ลุ้นกำไรปีนี้ทะยาน 80% แตะ 66 ลบ. ระดมเงินขยายสาขาตัวแทน ผลักดันรายได้เติบโตต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 พ.ค.65) หลักทรัพย์ บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI จะเจ้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน

โดย FTI ประกอบธุรกิจนำเข้า ประกอบผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำครบวงจร ได้แก่ เครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์ระบบกรองน้ำ ไส้กรอง สารกรอง ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำ รวมถึงให้บริการที่เกี่ยวข้อง สินค้าของบริษัทครอบคลุมผู้ใช้งานทุกกลุ่ม

ได้แก่ กลุ่มครัวเรือน กลุ่มใช้เชิงพาณิชย์ และกลุ่มอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ และตราสินค้าต่างประเทศรวมทั้งสิ้นกว่า 23 ตราสินค้า ทั้งระดับ Premium Middle และ Economy เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งด้านราคาและการใช้งาน FTI ขายส่งและมีลูกค้าหลักคือร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายกว่า 600 ราย

ทั้งนี้ FTI มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 450 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิมจำนวน 320 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 130 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 325 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,125 ล้านบาท โดยมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายวิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FTI เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 20 ปี ทำให้ FTI เข้าใจความต้องการและปัญหาการใช้งานของผู้บริโภค จึงได้ออกแบบ จัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย มีราคาที่เหมาะสมกับกับลูกค้าทุกระดับและทุกกลุ่มเป้าหมาย FTI มุ่งสร้างการเติบโตด้วยการพัฒนาผู้จัดจำหน่ายในรูปแบบร้าน Water Store เพื่อสร้างจุดขายให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นตราสินค้าของ FTI และ FTI เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของตลาดเครื่องกรองน้ำค้าปลีกสำหรับผู้บริโภคกลุ่มครัวเรือนที่มีกำลังซื้อสูง จึงมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนส่วนใหญ่ไปขยายสาขาร้านตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Aquatek ของ FTI  ให้ได้ 50 สาขาในปี 2567 เพื่อจัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง

ทั้งนี้ FTI มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มนายวิกร ภูวพัชร์ และนางวรญา ภูวพัชร์ ถือหุ้น 71.11%

พร้อมกันนี้บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงิน แผนการลงทุน และปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FTI มั่นใจว่าเมื่อหุ้น FTI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคักคัก เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์ระบบน้ำอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจะช่วยกันผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้รับเงินจากการระดมทุนบริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายสาขาตัวแทนจำหน่าย “Aquatek” และ “Water Store” เพิ่มกำลังการผลิตประกอบ ปรับปรุงคลังสินค้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะทำให้ FTI มีศักยภาพฐานทุนที่แข็งแกร่ง พร้อมกับยกระดับมาตรฐานองค์กรให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลทั้งคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตร รวมทั้งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้มากขึ้น

“บริษัทฯ พร้อมที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีฐานทุน สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจในระยะยาว ซึ่งการที่บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างครบวงจรทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ผสานกับความเข้าใจและความต้องการของตลาด รวมถึงการมีโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนตั้งเป้าหมายที่จะผลักดัน เพื่อยกระดับขึ้นเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคเอเชียให้ได้ในอนาคต  และในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 25-30 % จากปีก่อน” ดร.วิกร กล่าว

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า มีความมั่นใจหุ้นน้องใหม่ FTI จะได้รับความสนใจและตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน เนื่องด้วย ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจมีความโดดเด่นในทุกมิติ โดยแนวโน้มธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำยังมีการเติบโตได้จากความต้องการบริโภคน้ำที่มีคุณภาพ ตลอดจนเทรนด์ของการดูแลสุขภาพล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนในทิศทางที่ดีน่าจะทำให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลประกอบการ ทั้งรายได้และกำไรมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องทุกปี

รวมทั้งในช่วงที่ผ่านมากระแสตอบรับจากการโรดโชว์ผ่านระบบออนไลน์ พบว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก ขณะที่เมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย โดยเฉพาะกลุ่มสถาบัน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ ประกอบกับการกำหนดราคาขายที่ 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นค่าพีอีเรโช 30.92 เท่า ถือเป็นราคาที่สร้างแรงจูงใจ

“เชื่อว่า FTI จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ธุรกิจยังมีอนาคตที่สดใสตามอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์ระบบน้ำที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงผู้บริหารมีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 25 ปี ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ขณะที่มีความสามารถในการบริหารต้นทุนได้ดี ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำกำไรช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีความโดดเด่นและมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง“ นายวิชา กล่าว

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินมูลพื้นฐานของ FTI ปี 2565 ที่ 3.00 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE 20 เท่า อิงจากค่าเฉลี่ยของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน (TSR) และกลุ่มของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน (HOME) ที่ 20.9 เท่า และ 21.3 เท่า ตามลำดับ

พร้อมมองว่า FTI มีความน่าสนใจเนื่องจาก (1) เป็นผู้นำเข้า ประกอบ ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบบำบัดน้ำครบวงจร (เน้นในตลาดขายส่ง) (2) มีร้าน/ตัวแทนจำหน่าย ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ (3) มีโอกาสเติบโตจากการรุกตลาด B2C (4) สินค้าเครื่องกรองน้ำมีแนวโน้มเติบโตตามกระแสใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค และ (5) คาดผลประกอบการปี 2565 มีกำไรสุทธิฟื้นตัวกว่า +82% จากปีก่อน เป็น 66 ล้านบาท

Back to top button