“พาวเวลล์” ยันขึ้นดบ. จนกว่าเงินเฟ้อลด เล็งสิ้นปีนี้เป้า “เฟด” ถึง 3%

“ประธานเฟด” เผยจะขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อจนกว่าจะลด หลังคุกคามรากฐานเศรษฐกิจ และคาดการณ์ว่าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเป้า 2.75%- 3% เป็นอย่างน้อยภายในปลายปีนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิง ข้อมูลจากรอยเตอร์ ระบุว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้กล่าวในงานของวอลสตรีท เจอร์นัลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 พ.ค. 2565) ว่า สิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐต้องการเห็นคือเงินเฟ้อลดลงอย่างชัดเจนและอย่างมั่นใจ และธนาคารกลางสหรัฐจะผลักดันต่อไปจนกว่าจะได้เห็นเงินเฟ้อลดลงเช่นนั้น  ทว่าหากยังไม่เห็นเช่นดังกล่าวจะต้องพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงมากขึ้นเพื่อเข้มงวดภาวะการเงิน

พาวเวลล์ กล่าวอีกว่า การสร้างเสถียรภาพราคาให้สำเร็จ หรือฟื้นฟูเสถียรภาพราคา เป็นความจำเป็นโดยไม่มีเงื่อนไข และเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐต้องทำเพราะจริงๆแล้วเศรษฐกิจไม่ได้ทำงานเพื่อคนงานหรือเพื่อธุรกิจหรือใครก็ตามโดยปราศจากเสถียรภาพของราคา เพราะมันคือรากฐานของเศรษฐกิจจริงๆ

ส่วนในการยอมรับความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้นว่าการควบคุมเงินเฟ้ออาจเป็นสาเหตุให้การเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงหรือการว่างงานสูงขึ้น พาวเวลล์ กล่าวว่า มีหลายหนทางที่จะทำให้อัตราการพุ่งขึ้นของราคาลดลงโดยไม่ทำให้เกิดภาวะถดถอยเต็มตัว อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้อไม่ลดลง พาวเวลล์ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะไม่เลิกขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลง

ธนาคารกลางสหรัฐได้ขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานประมาณ 0.75% ในปีนี้และกำลังที่จะขึ้นอีกครึ่งเปอร์เซนต์ในการประชุมสองครั้งถัดไปในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐ  สินทรัพย์จำนอง 30 ปี และตราสารหนี้ในรูปอื่นๆ ได้ปรับตัวเร็วขึ้นมากเนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย

โดยพาวเวลล์ กล่าวว่าสิ่งที่เฟดจะประเมินในการประชุม หรืออ่านข้อมูล คือ ธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเท่าไหร่และรวดเร็วเพียงไร โดยขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมีวิวัฒนาการอย่างไร

ทั้งนี้ความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐทำให้เกิดการคาดการณ์อย่างแข็งแกร่งในตลาดตราสารดอกเบี้ยว่า อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายของเฟดจะถึง 2.75% ถึง 3% เป็นอย่างน้อยภายในปลายปีนี้และบางทีอาจจะมากกว่านั้น โดยเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอจากช่วง 0.75%-1% ในปัจจุบัน

ขณะที่เครื่องมือจับตาเฟดของซีเอ็มอี กรุ๊ป ชี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า มีโอกาสมากกว่าหนึ่งในสี่ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ระหว่าง3% -3.25% จากที่มีโอกาสประมาณหนึ่งในสิบเมื่อวันจันทร์

ในขณะเดียวกันนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นไม่ตรงกันอยู่ระหว่างฝ่ายที่รู้สึกว่าเงินเฟ้อจะลดลงโดยตัวของมันเองและปล่อยให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยน้อย กับฝ่ายที่รู้สึกว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ  0.75% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อซึ่งเตือนให้นึกถึงวิกฤติในช่วงปีค.ศ. 1970 และต้นปีค.ศ.1980

ข้อมูลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีสัญญาณที่ขัดแย้งกัน  โดยยอดขายปลีก การจ้างงาน และการผลิตทั้งหมดแสดงให้ว่าจนถึงขณะนี้ เศรษฐกิจโดยตัวมันเองไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น

พาวเวลล์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง งบดุลผู้บริโภคดี และธุรกิจแข็งแรง โดยยอมรับว่าความแข็งแกร่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่เฟดสามารถผลักดันอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นและชะลอการเติบโตได้เพียงพอที่จะทำให้เงินเฟ้อเย็นลงโดยไม่ทำให้เกิดการหดตัวอย่างเจ็บปวดที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ใช้ในอดีตเพื่อลดราคาลง

ขณะเดียวกัน สงครามในยูเครนทำให้อาหารและเชื้อเพลิงมีราคาแพงขึ้นทั่วโลก ส่วนการล็อกดาวน์รอบใหม่ในจีนทำให้ราคาสินค้าที่ผลิตแล้วและปัจจัยการผลิตทางอุตสาหกรรมสูงขึ้น  ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง  จึงอาจบังคับให้เฟดดำเนินการอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามเฟดตั้งเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ต่อปี แต่ตัวชี้วัดราคาที่ธนาคารกลางชอบใช้ กำลังเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าของเป้าหมาย  อัตราเงินเฟ้อที่โตเร็วเกินไปสามารถบิดเบือนการวางแผนของครัวเรือนและธุรกิจได้ และยิ่งไปกว่านั้นบั่นทอนความสามารถของธนาคารกลางในการควบคุมเงินเฟ้อได้เมื่อไปถึงจุดที่พาวเวลล์และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐรู้สึกว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนมากขึ้น

Back to top button