“ดาวโจนส์” ร่วงกว่า 300 จุด กังวลเงินเฟ้อฉุดผลประกอบการ

“ดาวโจนส์” ร่วงกว่า 300 จุด กังวลเงินเฟ้อฉุดผลประกอบการ โดย ณ เวลา 20.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,334.55 จุด ลบ 320.04 จุด หรือ 0.98%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 300 จุด ในวันนี้(18 พ.ค.65) โดยปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดย ณ เวลา 20.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,334.55 จุด ลบ 320.04 จุด หรือ 0.98%

โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยถูกกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น และเป็นการบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคธุรกิจ

ด้านราคาหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงเกือบ 25% ในวันนี้ หลังเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ส่วนราคาหุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงกว่า 3% หลังเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันในวันนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะไม่ลังเลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

Back to top button