“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! ตามดาวโจนส์ วิตกเงินเฟ้อฉุดศก.สหรัฐ
“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! ตามดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 1,100 จุด หวั่นเงินเฟ้อฉุดเศรษฐกิจสหรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงกว่า 1,100 จุดในวันพุธ (18 พ.ค.) ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทค้าปลีก นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,435.32 จุด ร่วงลง 475.88 จุด หรือ -1.77%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,146.96 จุด ร่วงลง 497.32 จุด หรือ -2.40% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,046.71 จุด ลดลง 39.27 จุด หรือ -1.27%
อีกทั้งภาวะการซื้อขายถูกกดดันหลังบริษัทค้าปลีกในสหรัฐเปิดเผยผลกำไร โดยทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 ลดลงสู่ระดับ 2.19 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.07 ดอลลาร์ เนื่องจากผลกระทบของปัญหาห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าขนส่งที่สูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังต้องปรับลดราคาสินค้าเพื่อให้สามารถแข่งขันกับบรรดาคู่แข่งในตลาดได้
สำหรับการเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ของทาร์เก็ตมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 อันเนื่องมาจากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน
โดยพอล คริสโตเฟอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเวลส์ ฟาร์โก อินเวสต์เมนท์กล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นเนื่องจากกังวลว่าธุรกิจค้าปลีกเริ่มได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแซงหน้าค่าจ้าง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทค้าปลีกสะท้อนให้เห็นว่า เงินเฟ้อกำลังส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภค
นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายพาวเวลยืนยันว่า เฟดจะไม่ลังเลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งขึ้นรุนแรงจนสร้างความเสียหายต่อรากฐานเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันเฟดยังเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่น่าจับตาวันนี้ ได้แก่ อัตราว่างงานเดือนเม.ย. ของออสเตรเลีย รวมถึงยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย. และยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนมี.ค. ของญี่ปุ่น