MINT มั่นใจรายได้ Q2 โตต่อเนื่อง รับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น-ยอดจองห้องพักเพิ่ม

MINT มั่นใจรายได้ไตรมาส 1/65 โตต่อเนื่อง หลังทุกธุรกิจ “โฮเทลส์-ฟู้ด-ไลฟ์สไตล์” ขยายตัว รับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น หนุนยอดจองห้องพักเพิ่ม


นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 19 พ.ค.2565 ว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2565 จะปรับตัวเพิ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทุกธุรกิจมีทิศทางที่ฟื้นตัวไม่ว่าจะเป็นไมเนอร์ โฮเทลส์, ไมเนอร์ ฟู้ด และไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย

โดยเฉพาะในส่วนของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในทวีปยุโรป ที่เป็นสัดส่วนใหญ่ของธุรกิจมีอัตราการเข้าพักสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาส 2/2565 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นยอดจองห้องพัก (Booking) เข้ามามากขึ้น ซึ่งในเดือน พ.ค. นี้อัตราการเข้าพักสูงกว่า 60% แล้ว

ในส่วนของประเทศไทยสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายไป ส่งผลให้ภาครัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวและได้ยกเลิกมาตรการ Test & Go ช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกับมาเติบโตได้มากยิ่งขึ้น และในช่วงไตรมาส 2/2565 ถือว่าเป็นช่วงเทศกาลมีวันหยุดค่อนข้างมาก และประชาชนเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

สำหรับไมเนอร์ ฟู้ด ในประเทศไทย ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับรูปแบบต่างๆให้มีความเหมาะสมและจูงใจแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และมีการพัฒนาการตลาดผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงผลักดันการเติบโตผ่านเดลิเวอรี่ และมีการขยายสาขาใหม่ๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ด้านประเทศจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น หลังเริ่มมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ประเทศออสเตรเลียก็เริ่มมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และ เตรียมขยายสาขาร้านอาหารเพิ่มขึ้นด้วย

อนึ่ง MINT รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2565 มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) จากการดำเนินงานเติบโตมากกว่า 5 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่จำนวน 2,737 ล้านบาท เมื่อเทียบกับจำนวน 521 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากทั้ง 3 หน่วยธุรกิจของบริษัท

โดยไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 20,701 ล้านบาท ในเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอัตราร้อยละ 66 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

Back to top button