JMART ย้ำกำไรปีนี้ทะยาน 50% ชูธุรกิจ “การเงิน-ค้าปลีก” หัวหอกดันเติบโต
“กลุ่มเจมาร์ท” ประกาศทิศทางปี 65 แข็งแกร่ง ชูธุรกิจการเงิน-ค้าปลีกเป็นหัวหอกการเติบโต พร้อมขยายอาณาจักร Ecosystem ไปยังโอกาสใหม่ๆ ย้ำเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50%
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยถึงผลงานโค้งแรกของปี 2565 ว่า ภาพรวมบริษัทในกลุ่มเดินตามเป้าหมายโดยธุรกิจด้านการเงินยังคงเป็นไฮไลท์สำคัญในการเติบโต ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของเจเอ็มทีสนับสนุนกำไรที่แข็งแกร่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และ Ecosystem ที่สนับสนุนโอกาสใหม่ๆ ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อการเติบโตแบบ Exponential Growth หรือตั้งเป้าปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% พร้อมเชื่อว่าบริษัทเติบโตได้ 50% ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ (ปี 2565-2567)
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจหลักของบริษัทในกลุ่ม มีการขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2/2565 โดยมีแผนผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรนอกกลุ่มเจมาร์ทเพิ่มเติม ได้แก่ BTS Group GUNKUL และพันธมิตรใหม่ๆ ที่จะมีการประกาศในช่วงต่อจากนี้จึงมั่นใจ กลุ่มเจมาร์ทปี 2565 จะเติบโตแข็งแกร่งได้ตามเป้าหมาย
ด้านนายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจติดตามหนี้และธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ สามารถบริหารจัดการ และการจัดเก็บที่ดีต่อเนื่อง โดยผลงานในไตรมาส 1/2565 รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 367 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 30% มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,079 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 33.4%
โดยมียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) ทำได้ดี อยู่ที่ 1,458 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 45% สำหรับในงวดไตรมาสแรกปี 2565ใช้งบลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันไปแล้วจำนวน 737 ล้านบาท จากเป้าหมายปีนี้วางงบลงทุน 10,000 ล้านบาท สนับสนุนพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพล่าสุดอยู่ที่ราว 240,000 ล้านบาท
ขณะที่ความร่วมมือกับบริษัทลูกของ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในธุรกิจให้บริการงานติดตามหนี้ และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (AMC) คาดเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป เตรียมรับโอกาสหนี้ด้อยคุณภาพในระบบทยอยออกมาเพิ่มเติม โดยไตรมาส 2/2565 ทิศทางยังเติบโตดี ส่วนแนวโน้มในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 คาดเป็นช่วงที่สถาบันการเงินทยอยขายหนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก สนับสนุนให้ผลงานในปี 2565 เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 45% จากปีก่อน
ล่าสุด JMT ถูกดึงเข้าดัชนี MSCI Global Standard Index รอบใหม่ซึ่งจะมีผลราคาปิด 31 พฤษภาคมนี้ สะท้อนผลงานและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในหุ้นขวัญใจนักลงทุนและกองทุนที่ต้องการลงทุนหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตในทุกสภาวะเศรษฐกิจ และโอกาสในอนาคต
ด้านนายนราธิป วิรุฬห์ชาตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด กล่าวถึงการเติบโตของ เจมาร์ท โมบาย ในปีนี้จะมีการเติบโตในทุกช่องทางการขาย ทั้งจากสาขาเจมาร์ทเอง และผ่านช่องทาง Synergy กับซิงเกอร์ ทำให้ภาพรวมไตรมาส 1/65 กลุ่มค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยียังเป็นเทรนด์ขาขึ้น และยังเดินหน้าตามกลยุทธ์ Gadget Destination นำสินค้ามาจำหน่ายมากขึ้น เช่น ในหมวดเกมมิ่ง ไอที โน้ตบุ๊ค รวมทั้ง กลยุทธ์ Financial Destination มีบริการด้านการเงินสนับสนุน กลยุทธ์ Digital Transformation ที่ปัจจุบันเราเริ่มขยายโปรเจกต์ NFT และเดินหน้าเรื่อง Adoption ต่อเนื่อง และกลยุทธ์ Power of Synergy ที่ผสานพลังพันธมิตรในกลุ่มเจมาร์ท และนอกกลุ่มเจมาร์ทสนับสนุน เช่น การขยายสาขาไปยังพื้นที่ของ BTS และ Jaydee เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J กล่าวว่า ในปี 2565 เจเอเอส แอสเซ็ท จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตไม่ตำกว่า 50% โดยเดินหน้าโฟกัส 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า IT Junction จะมีการปรับโมเดลใหม่ๆ เพื่อสอดรับยุคเทคโนโลยีบูม ธุรกิจ JAS Property หรือการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยในช่วง 2 ปีก่อน ได้เปิดตัวคอนโดฯ ในชื่อ NEWERA ผลตอบรับดีเยี่ยม และวางแผนจะปิดโปรเจกต์ปีนี้ อีกทั้ง ยังมีการก่อสร้าง-ปรับปรุง อสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านมือสองพร้อมอยู่ร่วมกับบริษัทย่อยของ JMT คาดจะสนับสนุนยอดขายกลุ่มนี้ชัดเจนขึ้น
โดยในปี 2565 บริษัทฯ ได้เปิดตัว JAS Green Village บนถนนคู้บอน อย่างเป็นทางการ สร้างกระแสรายได้ใหม่ให้กับบริษัท และรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2565 ล่าสุดได้ขยายพื้นที่ศูนย์อีก 2,000 ตร.ม. ธุรกิจสุดท้าย Senior Wellness บริษัทฯ มองว่าจะเป็นอีก Key Success และเกาะเมกะเทรนด์ด้านเฮลธ์แคร์ เซอร์วิส (Healthcare Service) ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ Senera Senior Wellness ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งใหม่ตอบรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศ (Aging Society) และเป็นครั้งแรกของโมเดลศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่อำนวยความสะดวกครบครัน ในโลเคชั่น อยู่ติดกับห้าง JAS Green Village ถนนคู้บอน พร้อมเปิดให้บริการปลายปีนี้ ล่าสุดเตรียมเปิดตัว JAS Green Village ลาดปลาดุก ในเดือนสิงหาคมนี้ บนพื้นที่ 13,000-15,000 ตร.ม. พร้อมเปิด Senior Wellness โดยใช้โมเดลเหมือนกับย่านคู้บอน
ด้านนายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเป็น Seasonal ยอดขายแอร์เติบโตมาก และมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีเราจะโตได้ 75% ตามแผน เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากดอกเบี้ยรับคาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 50% และมีเงิน 10,000 ล้านบาท จากการเพิ่มทุนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีเป้าหมายนำมาปล่อยสินเชื่อใหม่และสินเชื่อรถทำเงิน ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องมีภาระดอกเบี้ยจ่าย ต้นทุนการเงินลดลง ขณะที่การขยายช่องทางสาขาย่อย ทำได้แล้ว 4,300 สาขา เป้าหมายสิ้นปีนี้ 7,000 สาขาย่อย เชื่อทำได้แน่นอนครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ โดยพอร์ตสิเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท สิ้นปีนี้เชื่อว่าจะทำได้ 15,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าในการนำ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนช่วงสิ้นเดือนพ.ค.นี้ เตรียมยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. และคาดว่าจะเข้าตลาดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กลต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ยังคงมีการพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัว JNFT และจะมี J Metaverse ตามมา อีกทั้งยังมีการนำ JFIN Token มาใช้เป็นประโยชน์ใน Ecosystem ของเครือเจมาร์ท และพันธมิตร เพื่อให้เกิดการใช้งานจริง และในปีนี้เชื่อว่า เจ เวนเจอร์สจะสามารถทำกำไรในตัวเลข 2 หลักได้
Mr. Won Suk Jung บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจบัตรกดเงินสดสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ กล่าวว่า เคบี เจ แคปปิตอล ได้เปิดตัวบัตร KB Easy Card ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และปลายเม.ย.มีสมาชิกผู้ถือบัตรแล้วกว่า 14,000 ใบ และคาดว่าในปี 2565 จะมีสมาชิกบัตรเพิ่มขึ้นราว 200% โดยจะมีการขยายการเติบโตในเชิงรุก และก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 5 ธุรกิจ Non-Bank ของประเทศไทย ซึ่งนำเทคโนโลยีมาผนวกเข้าใช้ในการขยายฐานลูกค้า รวมถึงการใช้ช่องทางผ่านสาขาของเจมาร์ท ในการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้า ทำให้สามารถขยายการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว