BJC แย้ม Q2 ยอดขาย “SSSG” เพิ่ม ย้ำเป้ารายได้ปี 65 โตกว่า 10%
BJC แย้มยอดขายไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้น รับกำลังซื้อฟื้นตัว หลังโควิดคลี่คลาย-มาตรการรัฐหนุน-เปิดประเทศ ย้ำเป้ารายได้ปี 65 โตกว่า 10% หั่นงบลงทุนปีนี้เหลือ 1-1.1 หมื่นลบ. หลังปรับแผนขยายสาขา Big C mini-เลื่อนเปิด Hypermarket สาขาต่างประเทศไปปี 66
นายรามี ปีไรแนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 20 พ.ค.2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 39,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักจากยอดขายรวมและรายได้ค่าบริการที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะยังเติบโตได้ดี โดยมองว่า SSSG ในไตรมาส 2/2565 จะเติบโต high single digit จากกำลังซื้อที่ทยอยฟื้นตัวดีขึ้นหลังโควิดคลี่คลาย การผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมของภาครัฐ และการเปิดประเทศที่น่าจะส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยให้ดีขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีบริษัทปรับลดงบลงทุนปีนี้ลงเหลือ 10,000-11,000 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท เนื่องจากได้ปรับแผนลดจำนวนการขยายสาขา Big C mini และเลื่อนเปิด Hypermarket ในต่างประเทศ 2 สาขาออกไปเป็นปี 2566
ทั้งนี้ วงเงินลงทุนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นธุรกิจกลุ่มค้าปลีกราว 62% ใช้ในการการขยายสาขา Hypermarket ทั้งสิ้น 1-2 สาขา, Big C Food Place จำนวน 5 สาขา, Big C mini 100 สาขาในไทย และ 50 สาขาในกัมพูชา ส่วนร้านขายยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ในปีนี้ยังคงเป้าเปิดสาขาร้าน Pure 7 สาขา และ SiriPharma อีก 2 สาขา