“บล.พาย” มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,600 – 1,650 จุด แนะจับตาประชุม “เฟด” 26 พ.ค.65

“บล.พาย” แนะสัปดาห์นี้ติดตามผลประชุม FED วันที่ 26 พ.ค.65 รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของ “พาวเวล” หลังก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยหวังดึงเงินเฟ้อให้อ่อนตัว


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi แนะนำสัปดาห์นี้ติดตามปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การรายงานผลประชุม FED ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถ้อยแถลงล่าสุดของประธาน FED (Jerome Powell) เริ่มส่งสัญญาณเชิงเข้มงวดมากขึ้น (Hawkish) โดยสัปดาห์ก่อนได้ระบุว่า จะไม่ ลังเลที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงเงินเฟ้อให้อ่อนตัวลงมา ถือเป็นการส่งสัญญาณจากประธาน FED ที่ให้ความสนใจกับเงินเฟ้อมากกว่าเศรษฐกิจ หรือกล่าวได้ว่ายอมให้เศรษฐกิจเสียหายหากเงินเฟ้ออ่อนตัวลงมา

ดังนั้นหากรายงานผลประชุมมีการเปิดเผยถึงแผนดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดก็อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดการปรับฐาน (รายงานผลประชุม FED ในวันพฤหัสบดีช่วงตี 1 ตามเวลาประเทศไทย หรือทราบผลทางการช่วงเช้าพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย)

ขณะที่วันอังคารช่วง 5 ทุ่มตามเวลาประเทศไทยประธาน FED จะมีแถลงเปิดงานที่ Las Vegas เชื่อว่าตลาดจะรอดูถ้อยแถลงที่เกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ

ส่วนปัจจัยในประเทศจะมีการรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศในระหว่างวันจันทร์ถึงวันพุธ Bloomberg คาดมูลค่าส่งออกจะขยายตัว 14.5% จากปีก่อน ด้านนำเข้าขยายตัว 17.8% จากปีก่อน โดยคาดดุลการค้าติดลบ 621 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากรายงานดีกว่าคาดก็มองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและหากรายงานดุลการค้าเป็นบวกจะเป็นอีกปัจจัยเชิงบวกต่อ Fund Flow โดยสัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1600 – 1650 จุด

เชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นอยู่ในจังหวะของการฟื้นตัวหลังปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้ มองแนวต้านโซน 1660 เป็นจุดเริ่มทำกำไร โดยช่วงนี้ยังสามารถ Trading ได้แนะนำ (SCGP) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA) ผลบวกจากการผ่อนคลายมาตรการท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับอาหาร (BJC, CPALL)

โดยแนะนำ “ซื้อ” SCGP ราคาเป้าหมาย 66.00 บาท คาดกำไรปรับดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป หนุนจากการคลายล็อกดาวน์ที่จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ ราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นในสภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น และกำลังการผลิตใหม่

เช่นเดียวกับ MINT แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท คาดถึงภาพรวมเชิงบวกในปี 2565 เพราะประเมินว่าอุตสาหกรรมโรงแรมจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในปีนี้ เพราะมีการฉีดวัคซีนกันอย่างแพร่หลาย บวกกับการผ่อนปรนมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งจะทำให้กำไรปี 2565 อยู่ในแดนบวก

Back to top button