PTG ส่งซิก Q2 โตดี! ค่าการตลาดฟื้น-นอนออยล์เด่น ยันเป้า “อีบิทด้า” ปี 65 โต 20%
PTG ส่งซิก Q2 โตดี! ค่าการตลาดฟื้น-ธุรกิจนอนออยล์หนุนเด่น-ดีมานด์พุ่ง คงเป้า "อีบิทด้า" ปี 65 โต 15-20% วางงบลงทุน 3-4 พันลบ. ลุยขยายปั้มน้ำมัน-ธุรกิจ Non-oil และธุรกิจใหม่
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 23 พ.ค.2565 ว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 จะเติบโตดีขึ้นจากไตรมาส 1/2565 เป็นไปตามความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น ราคาขายน้ำมันสูงขึ้น และค่าการตลาดเข้าสู่ภาวะปกติที่ระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร รวมถึงการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) เติบโตได้ดี จากการขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้าน Coffee World, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้ม Max Gas และศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ขนาดเล็ก Autobacs อีกทั้งการเปิดประเทศ การเปิดเมืองก็ส่งผลดีต่อธุรกิจ Non-oil อย่างมาก โดยเฉพาะร้าน Coffee World คาดว่าผลประกอบการจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในปีนี้
ส่วนในอนาคตยังเดินหน้าขยายธุรกิจนอนออยล์ต่อเนื่อง โดยเน้นพันมิตรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้าร่วมกัน หรือพัฒนาสินค้าบริการใหม่ๆร่วมกัน และเน้นทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น แต่ก็ต้องคำนึงด้านผลตอบแทนเงินลงทุนและสอดคล้องกับธุรกิจ PTG สำหรับแผนการขยายธุรกิจในแต่ละมีเป้าหมายขยาย 3-5 ธุรกิจ โดยเป็นการขยายจากธุรกิจน้ำมัน ไปเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil)
ส่วนในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ามีสถานีบริการน้ำมันที่ 2,010 สาขา, Non-oil ขยับขึ้นเป็น 1,572 สาขา แบ่งเป็น LPG and MIX จำนวน 252 สาขา และ F&B, CVS and Services จำนวน 1,320 สาขา
โดยบริษัทยังคงเป้าปริมาณการขายน้ำมันปีนี้โต 6-10%, LPG คงเป้าเติบโต 50-60% ส่วนธุรกิจ Non-oil คาดยอดขายเติบโต 80-90% โดยกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-oil (Non-Oil Gross Profit Portion reaches) คาดโต 15-20%
ทั้งนี้ยังคงเป้ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปีนี้เติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าการตลาดที่คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.70-1.80 บาท/ลิตร
โดยปี 2565 วางงบลงทุนไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ราว 1,500-2,000 ล้านบาท รองรับการขยายสถานีบริการน้ำมัน และ 1,000-1,500 ล้านบาท รองรับในส่วนของธุรกิจ Non-oil ที่เหลืออีก 500 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจใหม่
ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น บริษัทฯ ได้ชะลอการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ภายใต้บริษัท แอตลาส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปเป็นปลายปีนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงการตอบคำถามจาก ก.ล.ต.จึงอาจชะลอออกไปเล็กน้อย
ด้านธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งในช่วงปลายไตรมาส 2/65 ถึงต้นไตรมาส 3/65 ตามกำหนดเดิม โดยคาดจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในปลายปีนี้
“ธุรกิจนอนออยไม่ว่าจะเป็นกาแฟพันธุ์ไทย ,ศูนย์บริการซ่อมแซมบำรุงรักษา รถยนต์ Autobacs ธุรกิจกลับมาเป็นบวก หรือร้านกาแฟคอฟฟี่ เวิลด์ เชื่อว่าการเปิดประเทศในแต่ละประเทศ การเปิดเมืองของเมืองไทยเชื่อว่าในไตรมาสนี้น่าจะเป็นบวกได้ ดั้งนั้นผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 และไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมาถือว่าเราได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและช่วงที่เหลือของปีนี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง”นายพิทักษ์