“ปรเมธี” คาด “ดอกเบี้ยนโยบาย” ปรับขึ้นแน่ หลัง ศก.ฟื้นตัวผันผวน
ประธานธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์ไทยต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแน่นอน หลังอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ส่งผลให้ต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวปาฐกถาพิเศษ “สภาวะแวดล้อมใหม่ทางเศรษฐกิจและการเงิน” ในงานสัมมนา New Chapter เศรษฐกิจไทย ว่า เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาจากการฟื้นตัวบนความไม่แน่นอน และยังขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ทำให้ล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 3% ใกล้เคียงที่ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดไว้ที่ 3.2%
นายปรเมธี ยังระบุว่า เมื่อเศรษฐกิจไทยยังอยู่บนพื้นฐานการขยายตัวบนความไม่แน่นอน โดยมีปัจจัยเสี่ยงทั้งจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังไม่คลี่คลาย การปรับนโยบายการเงินของประเทศต่าง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด มีการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อดูแลสมดุลเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับประเทศไทยในระยะต่อไปอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คงต้องมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.5% ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะพิจารณาในช่วงจังหวะและเวลาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ หลังจากวิกฤตโควิด-19 หลาย ๆ ประเทศต้องเจอวิกฤตรุมเร้าเหมือนๆ กันที่ต้องเร่งแก้ไข เช่นเดียวกับประเทศไทยทั้งการดูแลฐานะการคลังและการเงิน เพราะแม้ว่าการคลังยังมีความเสถียรภาพ แต่ก็มีเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือน้อยลง เพราะสัดส่วนหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 58% ของ GDP และต้องมีการจัดงบประมาณขาดดุลทุกปีโดยคาดว่าหนี้สาธารณะจะขึ้นอยู่ที่ 67% ของ GDP ในปี 2569 ดังนั้นเมื่อพ้นวิกฤตต้องทำให้หนี้สาธารณะกลับมาอยู่ที่ 60% ของ GDP ให้มีกระสุนด้านการคลัง ซึ่งโจทย์ของการหารายได้ และการบริหารงบประมาณที่มีจำกัด ยังเป็นโจทย์สำคัญของรัฐบาลต่อไป
นอกจากนี้ประเทศไทย ยังมีความเสี่ยงเรื่องของความเหลื่อมล้ำและเห็นต่างในสังคมที่สูงขึ้นจากโควิด-19 ที่กระทบรายได้โดยเฉพาะกับผู้มีรายได้น้อยอย่างมาก แม้ธุรกิจขนาดใหญ่ยังขยายการลงทุน แต่การว่างงานและหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่แล้ว ก็ยิ่งมากขึ้นหลังโควิด-19 และความขัดแย้งทางความเห็นในสังคมโซเชียล ถ้าไม่แก้ไขยิ่งเป็นความเสี่ยงของประเทศ รวมทั้งคุณภาพคนถดถอย เพราะเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาลดลง เด็กยากจนต้องหลุดจากการศึกษา นักศึกษาจบใหม่หางานทำไม่ได้ ส่งผลดกระทบต่อเสถียรภาพในการทำงานระยะยาว