THANA รุกแนวราบ-งานบริการ กางเป้า 3 ปีรายได้ 5 พันลบ.
THANA ตั้งเป้ารายได้ 3 ปี แตะระดับ 5 พันลบ. รุกแนวราบ-งานบริการ ส่วนปี 65 คาดรายได้ 1 พันลบ. ตุนแบ็กล็อก 500 ลบ. ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 3 ปี (ปี 65-67) แตะ 5 พันล้านบาท โดยหลังจากผ่านพ้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปแล้วบริษัทหันมาเดินหน้ารุกการพัฒนาโครงการมากขึ้น เพื่อเดินหน้าธุรกิจรองรับการเติบโตอย่างเต็มตัว และเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัท
ทั้งการพัฒนาโครงการของตัวเอง และโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ อนาบูกิ โคซัน กรุ๊ป ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจในเรื่องของการบริการหลังการขายและการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับลูกบ้านและชุมชนรอบข้าง
โดยบริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบเป็นหลัก แต่จะเริ่มขยายทำเลไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก เพื่อต่อยอดจากพื้นที่หลักเดิม คือ นนทบุรีตอนบน เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ และสร้างแบรนด์ธนาสิริให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับพันธมิตรญี่ปุ่นที่ยังต้องการลงทุนพัฒนาโครงการร่วมกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาซื้อที่ดินย่านกรุงเทพฯตะวันตก คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการพัฒนาโครงการแรกในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงปี 66
นอกจากนี้ในเรื่องของการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับลูกบ้านที่ซื้อโครงการธนาสิริ และชุมชนรอบข้างโครงการ บริษัทได้วางแผนในการนำที่ดินด้านหน้าโครงการของบริษัท 3-4 โครงการมาพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน รวมถึงอยู่ระหว่าพิจารณาร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่นในการลงทุนศูนย์สุขภาพเพื่อรองรับการใช้บริการของลูกบ้าน และเป็นรายได้เสริมเข้ามาให้กับบริษัทในอนาคต
สำหรับในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1 พันล้านบาท โดยไตรมาส 1/65 ทำรายได้ไปแล้ว 150 ล้านบาท และไตรมาส 2/65 ยังคงมีการโอนโครงการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ราว 500 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 2/65 จะรับรู้รายได้เข้ามาราว 60% ของ Backlog ทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าที่วางไว้
ด้านยอดขายในปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้สามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ที่เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นในไตรมาส 2/65 จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการราว 1.07 พันล้านบาท คือ อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์ และช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 2 โครงการใหม่ คือ ธนาเรสซิเดนท์ บรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า มูลค่า 800 ล้านบาท ในไตรมาส 3/65 และธนาวิลเลจ มูลค่า 500 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ระดับราคา 4-17 ล้านบาท
โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการขายทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท หรือ 255 ยูนิต โดยมียอดขายไปแล้วเฉลี่ย 54% และมียอด Backlog 350 ล้านบาท โดยรอโอนในไตรมาส 1/65 ประมาณ 50% เป็นโครงการอยู่ใน จังหวัดนนทบุรี 5 โครงการ และ จังหวัดอุดรธานี 1 โครงการ
นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยหลังจากผ่านพ้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปแล้วเริ่มเห็นการกลับมาฟื้นตัวขึ้น เห็นได้จากยอดขายของผู้ประกอบการรายต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาทยอยฟื้นตัว และเริ่มกลับมาเปิดโครงการมากขึ้น โดยเฉพาะแนวราบที่มีความคึกคัก สอดคล้องกับพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยูอาศัยของคนในยุคปัจจุบันที่ให้ความนิยมเลือกซื้อโครงการแนวราบมาตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลากหลาย
ขณะที่ทำเลย่านนนทบุรี ซึ่งเป็นทำเลหลักที่บริษัทพัฒนาโครงการมาตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจรุ่นแรกมาสู่ปัจจุบันยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง จากการผลักดันของหน่วยงานท้องถิ่นที่ต้องการสร้างให้จังหวัดนนทบุรีเป็นพื้นที่ที่สำหรับการอยู่อาศัยชั้นนำรองจากกรุงเทพฯ และมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมกับการผลักดันการแก้ไขผังเมืองเพื่อให้การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทำได้มากขึ้นและไม่กระทบชุมชน ทำให้การขยายการพัฒนาโครงการในทำเลนนทบุรียังทำได้อีกมาก และเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง