WTI พุ่ง 2% ขานรับ “อียู” ระงับนำเข้า “น้ำมันดิบ” รัสเซีย 90%

ราคาน้ำมัน WTI พุ่งแตะ 117 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ BRENT แตะ 122.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับ “อียู” ระงับจะห้ามนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซีย 90% ภายในปลายปีนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (31 พ.ค.2565) ราคาน้ำมันพุ่งแรงหลังผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงกันได้เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 30 พ.ค. 2565 จะห้ามนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซีย 90% ภายในปลายปีนี้

สำหรับสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐในระหว่างการซื้อขายในเอเชียในวันนี้ ปรับตัวขึ้นมากกว่า 2% เป็น 117.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ตราสารน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปรับตัวขึ้น 0.62% เป็น 122.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป เปิดเผยว่า ผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) มีมติระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 โดยมีเป้าหมายเพื่อตัดแหล่งการเงินขนาดใหญ่ที่รัสเซียใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงคราม

นอกจากนี้ ผู้นำอียูลงมติเห็นชอบให้ตัดธนาคารสเบอร์แบงก์ (Sberbank) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ออกจากระบบธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ (SWIFT), ระงับการดำเนินงานของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐบาลรัสเซียอีก 3 แห่ง และคว่ำบาตรบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสงครามในยูเครน

การลงมติดังกล่าวมีขึ้นในวันจันทร์ (30 พ.ค. 2565) ตามเวลาท้องถิ่น โดยเงื่อนไขภายใต้มติดังกล่าวระบุว่า รัสเซียยังสามารถขนส่งน้ำมันผ่านทางท่อส่ง Druzhba ให้กับฮังการี, สาธารณรัฐเชก และสโลวาเกีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ได้รับการยกเว้นจากมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียในครั้งนี้

ทั้งนี้ การเจรจาเกี่ยวกับการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียใช้เวลานานเกือบ 1 เดือน เนื่องจากสมาชิกบางประเทศของอียู ซึ่งรวมถึงฮังการีพยายามชะลอการออกมาตรการดังกล่าว

โดยให้เหตุผลว่า การระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากฮังการีไม่สามารถหาน้ำมันจากที่อื่นได้โดยง่าย ขณะที่สโลวาเกียและสาธารณรัฐเชกก็แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

Back to top button