PROEN ชี้ธุรกิจ “ดาต้าเซ็นเตอร์” ปีนี้โตต่อ เดินหน้า M&A ดันรายได้-กำไรแกร่ง

PROEN ชี้ธุรกิจ “ดาต้าเซ็นเตอร์” ปีนี้โตต่อ เดินหน้า M&A รุกขยายธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล งานรับเหมาโครงสร้างพื้นฐานสัญญาณดี หนุนรายได้-กำไรแกร่ง


นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2565 ผลการดำเนินงานของบริษัท มีรายได้และกำไรสุทธิขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยมีรายได้รวม 508.59 ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น 150.62% และมีกำไรสุทธิ 14.54 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 60.79% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ภาพรวมตลาดการให้บริการ Data Center คาดว่าจะเติบโตราว 23% ส่งผลให้บริการ Internet data center จะได้รับประโยชน์ จากปัจจัยสนับสนุน ปริมาณการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัล และอัตราการเข้าถึงสมาร์ตโฟน และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ เร่งผลักดันให้เกิดโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน

โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้ บริษัทฯ คาดว่าผลงานในปี 2565 จะเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเน้นผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring income) แต่สร้างความเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) มองทิศทางการลงทุนในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่ช่วยสร้างกำไร และผลตอบแทนประจำแบบยั่งยืน

“ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1,024.90 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565 ถึงไตรมาส 1/2566 มั่นใจว่าผลงานในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ระดับ 20%” นายกิตติพันธ์ กล่าว

นอกจากนี้ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องขุดเหรียญ Crypto ให้บริการดูแลรักษาเครื่อง และเป็นผู้ให้บริการรับฝากวางเครื่องขุด (เฉพาะรุ่น) พร้อมบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่าจะเป็น New S-Curve หรือธุรกิจที่ช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างโดดเด่น และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้แจ้งข่าวชี้แจงความคืบหน้ารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท คริปโทเคอร์เรนซีเกี่ยวกับสาระสำคัญของข้อตกลงที่แก้ไขเพิ่มเติมกับ ทาง Bitkub ตามที่คณะกรรมการมีมติอนุมัติการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (“Bitkub”) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 250,000 เหรียญ (ประมาณมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 72,949,815 บาท) โดยทาง Bitkub มีข้อตกลงในการยืนยันการรับประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกำหนดภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่บริษัทลงทุน ซึ่งอ้างอิงกับราคาซื้อขายแลกเปลี่ยนบนศูนย์กลางซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub ณ วันที่บริษัทลงทุน แต่หากราคาซื้อขาย ที่อ้างอิงของสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub สูงกว่าราคาขั้นต่ำที่รับประกัน ทางบริษัทสามารถตัดสินใจขายทำกำไรได้ ตามราคาแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น

Back to top button