“พิธา” เปรียบงบฯปี 66 เสมือน “ช้างป่วย” ไร้เม็ดเงินฟื้นฟู-ตัดทุนเอสเอ็มอี
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 เหตุรัฐจัดสรรงบส่วนใหญ่เป็นเงินบำนาญข้าราชการ ไร้เงินมาฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ เป็นปีแห่งความหวังที่ประชาชนจะลืมตาอ้าปาก งบประมาณปีนี้จึงเป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อและสำคัญ ถ้ารัฐจัดงบปีนี้ดี ประเทศจะทะยานไปข้างหน้า 10 ปี เป็นจุดตัดจุดเปลี่ยนของประเทศ ถ้าจัดงบไม่ดีประเทศก็จะเป็นทศวรรษสูญหาย เหมือนทศวรรษที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 เป็นงบช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ รายได้ผันผวน รายจ่ายแข็งตัว การกู้จะหลุดกรอบ เพราะรายได้ 2.49 ล้านล้านบาท ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย จึงจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีก 6.95 แสนล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงการเก็บภาษีของไทยถดถอยลง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่สูง ทำให้ภาระเงินกู้สูงขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ วงเงินงบประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท คือรายจ่ายที่สูงเท่ากับกระทรวงศึกษาทั้งกระทรวง นี่คือปัญหาของช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ โครงสร้างงบประมาณตั้งแต่ปี 2557-2565 งบประมาณ 75% เป็นงบประจำทั้งสิ้น
การตั้งงบประมาณครั้งนี้ จึงไม่ได้ตอบสนองกับวิกฤตหรือโอกาสในปีหน้าแต่อย่างใด นี่เป็นยาขมที่พวกเราทุกคนต้องกลืน เป็นโครงสร้างงบประมาณที่น่ากลัว เพราะทุกๆ 1 บาท ที่เก็บภาษีและกู้มา 40% กลายเป็นเงินเดือน สวัสดิการ กับบำนาญข้าราชการ
นายพิธา ยังย้ำว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เงินที่ใช้ไปกับบำนาญมากขึ้น 2 เท่า โดยปี 2557 บำนาญอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 3 แสนล้านบาท ปี 2566 อยู่ที่ 3.22 แสนล้านบาท ตอนนี้เรามีข้าราชการเกษียณ 8 แสนคน แต่ในปี 2580 จะมีข้าราชการเกษียณ 1.2 ล้านคน แค่บำนาญของบุคคลากรก็เกินงบประมาณที่เราจะใช้ไปเยอะมาก กระบวนการรัฐราชการ รัฐอุ้ยอ้าน จึงเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เราจะแก้ไขเรื่องนี้กันอย่างไร ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ประเทศจะพัฒนาได้อย่างไร
นอกจากนี้ เมื่อนำงบประมาณที่ตั้งไว้ให้กับอีอีซี 1.1 หมื่นล้านบาท มาเทียบกับงบเอสเอ็มอี 2.7 พันล้านบาท เป็นการตั้งงบที่ละเลยทุนตัวเล็กตัวน้อย ไม่ยุติธรรม จึงเป็นปัญหาที่ทำให้ประเทศในช่วงที่ประชาชนควรจะมีความหวัง การฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะไม่ยุติธรรม ไม่สร้างสรรค์ และไม่มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ไม่สามารถรับหลักการได้
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ต่างอภิปรายสนับสนุนร่างงบประมาณดังกล่าว พร้อมติงฝ่ายค้านที่ตั้งฉายางบประมาณว่าเป็น ขอทานจัดงานวันเกิด ถือเป็นการด้อยค่าเงินที่จะไปถึงมือประชาชน และฝ่ายค้านอีกคนบอกว่าเป็นงบช้างป่วย ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแลขับเคลื่อนประเทศเหมือนช้างทรงพลัง จึงไม่เห็นด้วยที่จะให้โหวตคว่ำ เพราะในนี้มีงบรายจ่ายการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศด้วย ที่จะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ ไม่เช่นนั้นก็จะกระทบไปหมด และส่วนตัวเชื่อว่า ส.ส.รักประชาชน ช่วยโหวตร่างกฎหมายนี้ให้ผ่านไปให้ได้ อย่างไรก็ตามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้กล่าวยืนยันว่าพรรคเห็นด้วยกับร่างงบนี้