RT ส่งซิก Q2 สดใส ลุ้นคว้างานใหม่ หนุนแบ็คล็อกทะลุ 8.5 พันลบ.
RT ส่งซิกไตรมาส 2/65 โตต่อเนื่อง เตรียมรับงาน Pipe Jacking-งานก่อสร้างบ่อเก็บน้ำดิบ 2 โครงการ มูลค่า 764.88 ลบ. หนุนแบ็คล็อกทะลุ 8.5 พันลบ. ทยอยรับรู้รายได้ 3 ปี
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปริมาณงานที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีงานที่รอลงนามสัญญาประเภทงาน Pipe Jacking และ งานก่อสร้างบ่อเก็บน้ำดิบ จำนวน 2 โครงการ จำนวน 764.88 ล้านบาท
ส่วนงานที่บริษัทลงนามสัญญาแล้วจำนวน 3 งาน ได้แก่ งานประเภทอุโมงค์ส่งน้ำ, งานประเภท Slope Protection และล่าสุดกับโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 1 (ได้รับหนังสือแสดงเจตจำนงว่าจ้าง หรือ LOI แล้ว) ในส่วนการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ ช่วงเด่นชัย-งาว มูลค่ารวม 2,349.22 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3/2565 รวมถึงทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2565 นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสเข้ารับงานสัญญาอื่นๆ ของโครงการดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับงานต่างประเทศ บริษัทดำเนินงานก่อสร้างโครงการอุโมงค์ผันน้ำเขื่อนเดือนตรี จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา มูลค่า 234.25 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบงานในช่วงไตรมาส 4/2565 และ บริษัทมีแผนในการเข้ารับงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับผู้รับเหมาหลัก คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/2565 ซึ่งการเข้ารับงานทั้งหมดจะส่งผลให้ปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) เติบโตมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 8,500 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565-2567
อย่างไรก็ดี บริษัทมีสัดส่วนงานก่อสร้าง แบ่งเป็น งานประเภทก่อสร้างอุโมงค์ 42.73%, งานสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 32.52%, งานท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน 14.92% และ งานก่อสร้างอื่นๆ อาทิ งานก่อสร้างถนน และ งาน Slope Protection 9.83%
“โดยช่วงที่ผ่านมาถือว่าบริษัทได้ผ่านช่วงต่ำสุดมาแล้ว จากปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลให้การดำเนินงานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด ขณะนี้สถานการณ์แรงงานเริ่มปรับตัวดีขึ้น สามารถกลับเข้ามาทำงานในพื้นที่พร้อมดำเนินงานก่อสร้างได้แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ เพื่อให้บริษัทมี Backlog ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะเดียวกันบริษัทติดตามสถานการณ์ด้านราคาวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมันที่มีความผันผวน พร้อมดำเนินตามแผนกลยุทธ์บริหารโครงการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้โครงการก่อสร้างมีความก้าวหน้าและสามารถส่งมอบงานได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด” นายชวลิต กล่าว
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้รวม 503.69 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 735.52 ล้านบาท จำนวน 231.83 ล้านบาท หรือลดลง 31.52% และมีขาดทุนสุทธิ 25.32 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37.25 ล้านบาท จำนวน 62.56 ล้านบาท หรือลดลง 167.97%