เปิด 5 หุ้น mai แรลลี่ยาว 5 เดือน! DITTO นำทีมโกยรีเทิร์นเกิน 100%
เปิด 5 หุ้น mai แรลลี่ยาว 5 เดือน! DITTO-THANA-NBC-BGT-HYDRO นำทีมโกยรีเทิร์นเกิน 100%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจกลุ่มหุ้น mai ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาหุ้นในช่วงวันที่ 30 ธ.ค.2564-31พ.ค.2565 มานำเสนอ เพื่อให้เห็นทิศทางหุ้นรายใดปรับตัวขึ้นโดดเด่น ท่ามกลางความท้าทายและจากปัจจัยเสี่ยง อาทิ สงครามยูเครน-รัสเซีย ราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวขึ้นในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นแรง การเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นต้น
สำหรับกลุ่มหุ้น mai ที่ราคาปรับตัวแรงสวนปัจจัยดังกล่าวได้คัดเลือกจากราคาปรับตัวแรง 5 อันดับแรกของกลุ่มและส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับตัวแรงเกิน 100% ซึ่งประกอบด้วย DITTO,THANA,NBC,BGT และ HYDRO ดังตารางประกอบ
อันดับ 1 คือ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ราคาหุ้นในช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 ปรับตัวขึ้น 195.02 % จากระดับ 1.07 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.64 มาอยู่ที่ระดับ 67.00 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.65 โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตามแนวโน้มผลประกอบการปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.56% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 41.40 ล้านบาท ส่วนรายได้ไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 258 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DITTO เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามการทยอยรับรู้งานในมือ (Backlog) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 1,362 ล้านบาท แบ่งเป็น งานรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่ายงานราชการต่างๆ (Technology Engineering & Turnkey projects) จำนวน 973 ล้านบาท, จำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร (Data & Document Management) จำนวน 389 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ราว 50% ของงานในมือทั้งหมด
นอกจากนี้บริษัทฯ คาดว่า ร่างพ.ร.บ.อิเล็กทรอนิกส์ฯ จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลังนี้ โดยมีเป้าหมายให้หน่วยงานราชการ หรือเกี่ยวข้องมีการบริการเป็น e-service และเมื่องบประมาณผ่านมติสภา น่าจะทำให้หน่วยงานต่างๆ มีโครงการ หรือทยอยใช้งบออกมา เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีงานให้เข้าไปประมูลรวม 9,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถคว้างานเข้ามาเสริมพอร์ตได้ตามที่คาดหวังไว้
ขณะที่บริษัทฯ เตรียมขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ในการออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 40 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการลงทุนซื้อกิจการในอนาคต ในรูปแบบแลกซื้อกิจการด้วยหุ้น โดยไม่ต้องใช้เงินสด เพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทฯ คาดจะเข้าซื้อกิจการจำนวน 2 ดีล ที่เกี่ยวกับธุรกิจ Data & Document Cyber Security และ Green Technology เป็นต้น เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
อันดับ 2 บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA ราคาหุ้นในช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 ปรับตัวขึ้น 140.60% จากระดับ 1.33บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.64 มาอยู่ที่ระดับ 3.20 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.65 โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตามแนวโน้มผลประกอบการปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง
โดยนายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THANA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 3 ปี (ปี 65-67) แตะ 5 พันล้านบาท โดยหลังจากผ่านพ้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปแล้วบริษัทหันมาเดินหน้ารุกการพัฒนาโครงการมากขึ้น เพื่อเดินหน้าธุรกิจรองรับการเติบโตอย่างเต็มตัว และเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัท
สำหรับในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1 พันล้านบาท โดยไตรมาส 1/65 ทำรายได้ไปแล้ว 150 ล้านบาท และไตรมาส 2/65 ยังคงมีการโอนโครงการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ราว 500 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 2/65 จะรับรู้รายได้เข้ามาราว 60% ของ Backlog ทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าที่วางไว้
ด้านยอดขายในปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้สามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ที่เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นในไตรมาส 2/65 จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการราว 1.07 พันล้านบาท คือ อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์ และช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 2 โครงการใหม่ คือ ธนาเรสซิเดนท์ บรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า มูลค่า 800 ล้านบาท ในไตรมาส 3/65 และธนาวิลเลจ มูลค่า 500 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ระดับราคา 4-17 ล้านบาท
โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการขายทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท หรือ 255 ยูนิต โดยมียอดขายไปแล้วเฉลี่ย 54% และมียอด Backlog 350 ล้านบาท โดยรอโอนในไตรมาส 1/65 ประมาณ 50% เป็นโครงการอยู่ใน จังหวัดนนทบุรี 5 โครงการ และ จังหวัดอุดรธานี 1 โครงการ
อันดับ 3 บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC ราคาหุ้นในช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 ปรับตัวขึ้น 136.36% จากระดับ 1.10 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.64 มาอยู่ที่ระดับ 1.50 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.65 โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงคาดหวังธุรกิจพลิกฟื้น ภายหลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG(ผู้ถือหุ้นใหญ่) อนุมัติการขายหุ้นสามัญ NBC จำนวน 691.03 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 61.4569 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดในราคาหุ้นละ 1.30 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าเบื้องต้นรวม 898.34 ล้านบาท ให้แก่ นายบุญเอื้อ จิตรถนอม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO และ บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W รวมถึง นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO และบริษัท ทรีนิตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน)
โดยคาดว่าจะทำรายการแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2565 โดยหลังจากนี้จะร่วมขยายธุรกิจ Happy Home Shopping ให้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ Healthy Products ต่างๆ และพร้อมลุยทำธุรกิจ Tele Medicine ในอนาคต
อันดับ 4 บริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BGT ราคาหุ้นในช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 ปรับตัวขึ้น 130.89% จากระดับ 1.23บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.64 มาอยู่ที่ระดับ 2.84 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.65 โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงคาดนักลงทุนเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามพื้นฐานหุ้นยังขาดทุนต่อเนื่องส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอาจเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไรได้
อันดับ 5 อันดับ 5 บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO ราคาหุ้นในช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 ปรับตัวขึ้น 116.67% จากระดับ 0.36 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.64 มาอยู่ที่ระดับ 0.78 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.65 โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงคาดนักลงทุนเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามพื้นฐานหุ้นยังขาดทุนต่อเนื่องราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอาจเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไรได้