CHOW ส่งซิกกำไรปี 65 โตเด่น ลุยขยายธุรกิจเหล็ก-พลังงานทดแทนเต็มสูบ

CHOW มั่นใจรายได้ปี 65 โตก้าวกระโดด หลังรับรู้กำไรไตรมาส 1/65 คาด 6 เดือนแรกโตกว่าปีก่อน เริ่มเดินหน้าขยายธุรกิจ เพื่อเร่งขับเคลื่อนเติบโตตามเป้าทั้งธุรกิจเหล็ก รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ


นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 2565 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกหน่วยธุรกิจ โดย 6 เดือนแรกจะสามารถชนะยอดขายของปีที่แล้วได้ทั้งปี โดยไตรมาส 1/2565 บริษัทพลิกจากขาดทุน 65.17 ล้านบาท ในปี 2564 มามีกำไรสุทธิ 1,205.35 ล้านบาท  จากธุรกิจเหล็กเริ่มเปิดเดินสายการผลิตครั้งใหม่ และรับรู้กำไรจากการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 56.9 เมกะวัตต์  เป็นจำนวนเงินรวม 1,423.46 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจพลังงาน

โดยบริษัทได้ชำระคืนหนี้สินที่ใช้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าให้กับธนาคารเป็นจำนวนกว่า 6,401.74 ล้านบาท ส่งผลให้หนี้สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนทุนของบริษัทแข็งแกร่งมากขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ลดลงจาก 10.22 เท่า มาอยู่ที่ระดับ 1.03 เท่า และส่วนทุนเพิ่มขึ้นจาก 815 ล้านบาท มาเป็นกว่า 2,060 ล้านบาท

“สำหรับแผนธุรกิจพลังงานที่บริษัทได้วางไว้เริ่มต้นจากการพัฒนาโรงไฟฟ้าไปจนถึงการขายไฟ และขายโครงการต่อให้กับกองทุนพลังงานในประเทศญี่ปุ่น เพื่อรับรู้กำไรจากการลงทุนทันที โดยไม่ต้องรอรายได้จากการขายไฟจนครบสัญญา ทำให้ CHOW รับรู้รายได้และกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าในอัตราที่น่าพอใจ และพลิกฐานะการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นได้ทันที สามารถขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ได้อย่างคล่องตัว โดยหลังจากนี้ CHOW จะเริ่มลุยขยายธุรกิจอย่างเต็มตัว เพื่อเร่งขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ทั้งธุรกิจเหล็ก ธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากเดิมเพื่อต่อยอดทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายปรมัตถ์ กล่าว

ขณะในส่วนธุรกิจเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency Mining) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ทางบริษัทได้ศึกษาข้อมูลมาอย่างถี่ถ้วน และเล็งเห็นว่าเป็นธุรกิจการลงทุนที่มีศักยภาพและให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต โดยกำหนดมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 150 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดซื้อ เครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซี่ ซึ่งจะเริ่มทยอยลงทุนภายในไตรมาสที่ 2/2565 นั้น ถือเป็นธุรกิจอนาคตที่บริษัทคาดหวังจะสร้างโอกาสให้บุคลากรได้เรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อหาช่องทางในการสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทได้ทยอยลงทุนติดตั้งเครื่องขุดและเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่นี้แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และคืนทุนได้ภายใน 2 ปีเท่านั้น

“สำหรับฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้ CHOW ขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ทั้งจากกระแสเงินสดของบริษัท และการสนับสนุนด้านสินเชื่อจากธนาคารชั้นนำ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรที่มีความสามารถ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และซับพลายเชนที่เข้มแข็ง ซึ่งความพร้อมเหล่านี้จะทำให้ CHOW สามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายปรมัตถ์ กล่าว

ส่วนธุรกิจเหล็กซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของบริษัท หลังจากนี้พร้อมเดินหน้าผลิตสินค้าป้อนให้กับลูกค้าที่ได้ลงนามในสัญญารับจ้างผลิตเหล็กแท่งยาว (Steel Billets) จำนวน 400,000 ตันต่อปี พร้อมทั้งเตรียมผลิตสินค้าแบบใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น หลังจากการปรับปรุงโรงงานทำให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ผลิตเหล็กได้หลากหลายประเภท ในเกรดที่มีคุณภาพสูง และต้นทุนลดลง นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มหน่วยธุรกิจใหม่เป็นกลุ่มเทรดดิ้ง หรือซื้อมาขายไปเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัตถุดิบ และเหล็กต่าง ๆ เนื่องจากมีบุคลากรที่มีความสามารถ และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า โดยในไตรมาสที่ 1/2565 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งเริ่มมีรายได้ 133.4 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในอนาคต

ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในปี 2565 CHOW ได้หันมาเพิ่มความสำคัญให้กับตลาดในประเทศทั้งตลาดรายย่อย และรายใหญ่เพิ่มขึ้น โดยตลาดรายย่อยได้ขยายธุรกิจผ่าน บริษัท เชาว์ แอนด์ ฮาโก้ โซลาร์ จำกัด ในขนาดติดตั้งไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ ปัจจุบันได้เปิดช่องทางขายผ่านกลุ่มโมเดิร์นเทรด ส่วนตลาดรายใหญ่ที่ทำตลาดผ่าน บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันมีโครงการระหว่างพัฒนาในมือ 47 เมกะวัตต์  และมีเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นเป็น 70 เมกะวัตต์ภายในปีนี้  สำหรับตลาดต่างประเทศ บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและระหว่างการพัฒนารวมกันประมาณ 275 เมกะวัตต์

 

Back to top button