FSSIA ยก IVL ท็อปพิก ชี้ IOD หนุน EBITDA โต เคาะเป้า 70 บ.

FSSIA ชูหุ้น IVL ท็อปพิค “ปิโตรเคมี” ไทย มองกำไรปี 65-67 เด่น ให้ราคาเป้าหมาย 70 บ. พร้อมมองว่ายังมีอัพไซด์ต่อคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 65-67 ที่ขับเคลื่อนโดยมาร์จิ้นที่สูงขึ้นของ integrated PET-PTA และ MTBE


นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ค.65) ประเมินเกี่ยวกับหุ้นบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL โดยมองว่ายังมีอัพไซด์ต่อคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 65-67 ที่ขับเคลื่อนโดยมาร์จิ้นที่สูงขึ้นของ integrated PET-PTA และ MTBE และอัพไซด์ EBITDA จากธุรกิจ IOD

ทั้งนี้ FSSIA มองว่ามาร์จิ้นของ integrated PET-PTA, และ MTBE จะสูงขึ้นไปอีกในระยะยาว โดยเฉพาะสารลดแรงตึงผิวที่มีมาร์จิ้นสูงจากอุปทานที่ตึงตัวในขณะที่ความต้องการยังสูง นอกจากนั้น บริษัทยังมีอัพไซด์ EBITDA จากธุรกิจ IOD ที่สูงกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าของ FSSIA ซึ่งจะช่วยหักล้างมาร์จิ้นที่อ่อนแอจาก MEG และความต้องการที่ลดลงของ MEG และไฟเบอร์จากการล็อคดาวน์ในจีน ทั้งนี้มาร์จิ้นที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์จะช่วยหักล้างดาวน์ไซด์จากราคาพลังงานที่สูงขึ้น โดยคาดว่า IVL จะมีต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น 25 ล้านดอลลาร์สำหรับการผลิตในอเมริกาเหนือ และ 35 ล้านยูโรในการผลิตที่ยุโรป

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาค่าก๊าซ และ LNG ที่สูงขึ้นในตลาดฝั่งตะวันตกของ IVL (อเมริกาเหนือ และยุโรป) จากความเสี่ยงต่ออุปทานจากการรุกรานของรัสเซียในยูเครนจะเป็นผลบวกต่อ EBITDA ของ IVL จาก 1) บริษัทมีความเสี่ยงต่อ EBITDA ในตลาดยุโรปเล็กน้อยเพียง 13% ของ EBITDA ทั้งหมดในปี 65

2) ราคาก๊าซที่สูงขึ้นในสหรัฐมีผลทำให้มาร์จิ้นผลิตภัณฑ์ IOD ขั้นปลายสูงขึ้น ซึ่ง IVL ได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างมากจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ใน Huntsman เมื่อปี 62 และ Oxiteno ในไตรมาส 1/65 และ 3) ความแตกต่างของราคานำเข้าที่เท่าเทียมกัน (Import Parity) ที่สูงระหว่างอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียจากราคาขนส่ง และภาษีนำเข้าที่สูงช่วยหักล้างราคาพลังงานที่สูงขึ้นของ IVL ได้

ทั้งนี้ FSSIA คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2 ของ IVL จะโตแตะระดับ 1-1.4 หมื่นล้านบาท จาก 1) มาร์จิ้น PET-PTA, MTBE และสารลดแรงตึงผิวที่สูงขึ้น 2) ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อนเป็น 3.9 ล้านตัน และ 3) EBITDA จากธุรกิจ IOD ที่สูงขึ้น (คาดว่า Oxiteno จะช่วยเพิ่ม 50 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส) ขณะที่กำไรสุทธิปี 65 คาดว่าจะแตะ 2.82 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% จากปี 64

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยเลือก IVL เป็นหุ้นท็อปพิกในกลุ่มปิโตรเคมีของไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 70 บาท บนพื้นฐาน EV/EBITDA ปี 65 ที่ระดับ 9.4 เท่า ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเนื่องจากมีมาร์จิ้น MEG ที่ต่ำ แต่ยังมองว่า EPS ในปีนี้อาจเหนือกว่าที่ทางฝ่ายวิเคราะห์ และ Bloomberg Consensus คาดไว้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวพุ่งขึ้นสูงได้ โดยในขณะนี้คาดว่า EPS ปี 65 จะอยู่ที่ 5.02 บาท

Back to top button