ลุ้น IPO ป้ายแดง STP เทรดวันแรกยืนเหนือจอง 18 บ.
ลุ้น IPO ป้ายแดง STP เข้าซื้อขายตลาด mai วันแรกยืนเหนือจอง 18 บ. ชูผู้เชี่ยวชาญธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษ-สิ่งพิมพ์ทุกชนิด ฟาก 6 บล.ประสานเสียงประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 20.40 - 24.25 บาทต่อหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 มิ.ย.2565 ) หุ้นสามัญของ บริษัทสหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม และเริ่มทำการซื้อขาย 14 มิ.ย. 2565 โดยมีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 74.60 ล้านหุ้น และหุ้นบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 25.40 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 457.20 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,800 ล้านบาท
โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้แก่ บล.เอเซีย พลัส บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ,บล.กรุงไทย เอ๊กซ์สปริง ,บล.โกลเบล็ก ,บล.คิงฟอร์ด และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)
สำหรับ STP ประกอบธุรกิจรับพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ด้วยระบบพิมพ์ออฟเซท (Offset Printing) บนกระดาษที่บริษัทจัดหา หรือพิมพ์บนกระดาษที่ลูกค้าจัดหามาเอง โดยเป็นผู้ให้บริการตั้งแต่การพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ การจัดทำเพลทที่มีคุณภาพสูง การพิมพ์งานสูงสุด 12 สี และมีบริการหลังพิมพ์ตามความต้องการของลูกค้า
ด้านนายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STP ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและการเติบโตของ STP ทำให้การจองซื้อหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ และสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า ด้วยการก่อตั้งบริษัทมานานกว่า 50 ปี
สำหรับ STP มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวโรจน์วงศ์จรัต โรจนวงศ์จรัส และโรจน์วงศ์จรัส ถือหุ้นรวม 74.60% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบเฉพาะกิจการในแต่ละงวด หลังหักเงินสำรองตามกฎหมายและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ
ทั้งนี้หลังจากนี้บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 435.5 ล้านบาท ใช้ลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม ตามโครงการในอนาคตที่วางไว้ จำนวน 360 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ จำนวน 75.5 ล้านบาท
ด้านนางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า STP มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น มีจุดแข็งในการให้บริการอย่างครบวงจร ด้วยมาตรฐานระดับสากล ตลอดจนการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
โดยสะท้อนจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) มีการเติบโตต่อเนื่อง และล่าสุดในไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 145.3 ล้านบาท เติบโต 5.5% กำไรสุทธิ 32.7 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 37.2% อัตรากำไรสุทธิ 21.8% ซึ่งถือว่า STP มีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการประหยัดเนื่องจากขนาด (Economies of Scale)
ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวน 25.40 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 18 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 15 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565) ซึ่งเท่ากับ 122.30 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้(fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.22 บาท
ด้านนางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า การจองซื้อหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมาของ STP ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปแสดงความประสงค์จองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรร จึงมั่นใจว่าเมื่อหลักทรัพย์ STP เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ STP จำนวน 6 บริษัทหลักทรัพย์ ได้ประเมินราคาพื้นฐานของ STP อยู่ที่ 20.40 – 24.25 บาทต่อหุ้น โดยระบุว่า STP มีศักยภาพการเติบโตสูงจากการเป็นผู้ผลิตงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์คุณภาพพรีเมียม โดยการเติบโตของการซื้อขายรูปแบบ e-commerce และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตช่วยเพิ่มโอกาสให้ STP ในฐานะผู้รับพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด โดย STP พร้อมเข้าระดมทุนในตลาด mai เพื่อนำเงินไปสร้างอาคารโรงงานและขยายกำลังการผลิต ผลักดันกำไรปี 2565 – 2567 เติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4%