ครม. เคาะ 8 มาตรการ สร้างทักษะการเงินคนไทย ปี 65-67
ครม.ไฟเขียวแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงินปี 65-70 เพื่อเป็นกรอบนโยบายและกลไกบูรณาการดำเนินการพัฒนาทักษะการเงินของประเทศไทย ประกอบด้วย 8 มาตรการ 19 แผนงาน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน พ.ศ. 2565-2570 เพื่อเป็นกรอบนโยบายและกลไกบูรณาการการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินของประเทศไทย และเป็นแนวทางการจัดทำโครงการและกิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะทางการเงินของคนไทยให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด ประกอบด้วย 8 มาตรการ 19 แผนงาน ดังนี้
เป้าหมายที่ 1 : คนไทยตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเงินและเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน ได้แก่
มาตรการที่ 1 ยกระดับความสำคัญการพัฒนาทักษะทางการเงิน อาทิ จัดกิจกรรมเพื่อสร้างการตระหนักรู้ทางการเงินให้แก่ประชาชน
มาตรการที่ 2 ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลและองค์ความรู้ทางการเงินที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการเงินด้วยตนเองของประชาชน ใช้เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับการเข้าถึงข้อมูล องค์ความรู้และข่าวสารทางการเงินที่ถูกต้องและเชื่อถือ พัฒนาเว็บไซต์ความรู้ทางการเงินเพื่อคนไทย www.รู้เรื่องเงิน.com เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูล ความรู้ และข่าวสารด้านการเงินสำหรับประชาชน โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ
เป้าหมายที่ 2 : คนไทยมีความรู้และทักษะทางการเงินเพียงพอที่จะนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต ได้แก่
มาตรการที่ 3 กำหนดกรอบสมรรถนะทางการเงินสำหรับคนไทย
มาตรการที่ 4 ผลักดันการพัฒนาทักษะทางการเงินในหลักสูตรการเรียนในระบบการศึกษา ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษา การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย มุ่งให้เกิดการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ส่งเสริมความรู้ด้าน Financial Literacy แก่กลุ่มข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มาตรการที่ 5 พัฒนาทักษะทางการเงินของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายตลอดช่วงชีวิต ประกอบด้วย กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มอุดมศึกษา กลุ่มผู้มีงานทำ กลุ่มภาครัฐ กลุ่มประชาชนระดับฐานราก กลุ่มองค์กรการเงินชุมชน กลุ่มผู้สูงวัย/เกษียณอายุ กลุ่มประชาชนทั่วไป กลุ่มถ่ายทอดความรู้และทักษะการเงิน กลุ่มเปราะบางทางการเงินสูง
มาตรการที่ 6 พัฒนากฎระเบียบและมาตรการเพื่อสนับสนุน อาทิ กำหนดให้องค์กรในภาคการเงินต้องจัดให้มีกิจกรรมหรือการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงิน กำหนดให้บุคลากรภาครัฐบรรจุใหม่ได้รับการฝึกอบรมการเงินส่วนบุคคล
เป้าหมายที่ 3 : ประเทศไทยมีกลไกขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินอย่างบูรณาการ เพื่อให้เกิดระบบนิเวศด้านการพัฒนาทักษะทางการเงินที่ยั่งยืน
มาตรการที่ 7 จัดตั้งกลไกขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินอย่างบูรณาการและยั่งยืน อาทิ แต่งตั้งคณะกรรมการการพัฒนาทักษะทางการเงินเพื่อขับเคลื่อน กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการตามร่างแผนปฏิบัติการฯ
มาตรการที่ 8 สร้างระบบการติดตามและประเมินผล อาทิ จัดให้มีการสำรวจระดับทักษะทางการเงินทุก 2 ปี ผลักดันให้มีการบูรณาการระบบข้อมูลความรู้และทักษะทางการเงิน
“ครม. คาดหวังว่าคนไทยจะมีระดับทักษะทางการเงินสูงขึ้นในทุกด้าน และเพียงพอสำหรับการบริหารจัดการเงินอย่างเหมาะสมในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย มีการก่อหนี้และภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นลดลง มีการออมเพิ่มขึ้น และมีการออมตามแผนทางการเงินและเป้าหมายในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยง และแรงกดดันทางการเงิน ผ่านการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมตามแต่ละกลุ่มเป้าหมาย” นายธนกร กล่าว
อีกทั้งยังมีทักษะด้านการเงินดิจิทัล มีความรู้ความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากการเงินดิจิทัลได้ รวมทั้งสามารถป้องกันและจัดการกับความเสี่ยงหรือภัยที่เกิดจากการเงินดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ได้กำหนดเป้าหมายปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน